วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

โครงการ”การขับเคลื่อนกิจกรรมองค์กรสตรีระดับภาค (ภาคกลาง)

วันนี้ (26 ส.ค.)  ที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายชูศักดิ์  ตรีสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดโครงการ "การขับเคลื่อนกิจกรรมองค์กรสตรีระดับภาค” (ภาคกลาง) โดยมีนางสติล  คุณปลื้ม ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดชลบุรี/ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีภาคกลาง เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อให้ครธกรรมการพัฒนาสตรีภาคกลางทั้ง 25 จังหวัดได้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณื พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและรับทราบปัญหาในการดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายซึ้งโครงการดังกล่าวจจะดำเนินงานตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2557 โดยได้จัดกิจกรรมศึกษาดูงานบ้านสตรีดีเด่นด้านการส่งเสริมครอบครัวแข็งแรง ในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบของจังหวัดสระแก้ว เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ OTOPร้านอโนชาไหมไทยและเดินศึกษาดูงานที่ประเทศกัมพูชา

จ.ฉะเชิงเทรา ประชุมเตรียมความพร้อมรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ

วันนี้ (26 ส.ค.57)   นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานในการประชุมเตรียมการรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่จะเสด็จมาทรงเปิดศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัวหมอนทอง  จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันที่  25 กันยายน 2557  ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ เพื่อมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบของส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการเตรียมการรับเสด็จให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ 

ศูนย์ 3 วัย สานใยรักแห่งครอบครัว หมอนทอง จังหวัดฉะเชิงเทรา ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เดิมเป็นอาคารสอนศาสนาและอาคารอเนกประสงค์ ของมัสยิดดารุ้ลคอยร๊อต ตั้งอยู่ในที่ดินของมัสยิดดารุ้ลคอยร๊อต ซึ่งคณะทำงานศูนย์ 3 วัย สานใยรักแห่งครอบครัว หมอนทอง จังหวัดฉะเชิงเทรา ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมในการดำเนินดำเนินงานการจัดตั้งศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัวฯ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของชุมชนมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารสถานที่จากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยเปิดให้บริการแก่สมาชิกศูนย์ 3 วัยฯ หมอนทอง จังหวัดฉะเชิงเทรา ในพระอุปถัมภ์ฯ อย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 เป็นต้นมา  กิจกรรมการให้บริการแก่ประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลหมอนทองและพื้นที่ใกล้เคียง โดยดำเนินงานภายใต้ 5 แนวคิดพระราชทานให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ โดยการจัดฝึกอบรมเสริมทักษะด้านอาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ตำบลหมอนทองและตำบลใกล้เคียง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการจัดอบรม และจัดกิจกรรมต่าง ๆ จากศูนย์พัฒนาสังคม หน่วยที่ 7 จังหวัดฉะเชิงเทรา และหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานและสนับสนุนการจัดกิจกรรมแบบบูรณาการเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมให้กับประชาชนทุกช่วงวัยได้เข้ามาใช้บริการและทำกิจกรรมร่วมกัน ส่งผลให้ชุมชนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่ความเข้มแข็งในชุมชนต่อไป  ปัจจุบัน มีสมาชิกทั้งสิ้น จำนวน 1,143 คน ประกอบด้วย วัยเด็ก 464 คน วัยผู้ใหญ่ 544 คน และวัยผู้สูงอายุ 135 คน



ชาญณรงค์/ข่าว
ธนภัทร/ภาพ

ตำรวจสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกับการ 5 กองบังคับการตำรวจ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จับกุมเรือไดหมึกพร้อมไต๋เรือและลูกเรือชาวกัมพูชา ทำการประมงในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังนำเรือเทียบท่าบริเวณ ต.เพ อ.เมืองระยอง

ตำรวจสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกับการ 5 กองบังคับการตำรวจ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จับกุมเรือไดหมึกพร้อมไต๋เรือและลูกเรือชาวกัมพูชา ทำการประมงในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังนำเรือเทียบท่าบริเวณ ต.เพ อ.เมืองระยอง ขณะนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเพ ดำเนินคดี เจ้าของเรือคนไทย และกลุ่มชาวประมงในพื้นที่ไม่พอใจการจับกุม อ้างเลือกปฏิบัติ และอยู่ในช่วงการผ่อนผันการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เตรียมเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ขอความเป็นธรรม เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 25 ส.ค.ร.ต.ท.บดินทร์ ศรีอ่อน รองสารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกับการ 5 กองบังคับการตำรวจ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นำกำลังตำรวจ เข้าจับกุมเรือไดหมึกทรัพย์ธงชัย 3 ที่บริเวณท่าเทียบเรือศรีบ้านเพ ต.เพ อ.เมืองระยอง ขณะนำหมึกขึ้นฝั่ง ได้ผู้ต้องหาไต๋เรือและลูกเรือชาวกัมพูชา จำนวน 6 คน ประกอบด้วย นายชาลี ขวบ อายุ 25 ปี ไต๋เรือ นายจันทร์ทน เมียน อายุ 39 ปี นายญาติ กิม อายุ 42 ปี นายเทียคิม อายุ 51 ปี นายนา จุม อายุ 42 ปี และนายแพะ ไม่มีนามสกุล อายุ 27 ปี พร้อมของกลาง เรือประมงทรัพย์ธงชัย 3 ยาว 6 เมตร วิทยุสื่อสาร ยี่ห้อซุปเปอร์สตาร์ รุ่น 2004 1 เครื่อง อุปกรณ์ทำการประมงไดหมึก 1 ชุด และปลาหมึกสด 8 กก.ส่ง ร.ต.อ.สากล คำยิ่งยง พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเพ ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันทำการประมงไดหมึกในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ไต๋เรือ ใช้เรือทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยไม่มีใบอนุญาตผู้ควบคุมเรือตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย เป็นบุคคลต่างด้าวทำหน้าที่เป็นลูกเรือในเรือประมง ในเขตการประมงไทยโดยมิได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ขณะที่ตำรวจน้ำ นำผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเพ ดำเนินคดี ได้มีนายบุญยงค์คชา อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/1 ม.3 ต.เพ อ.เมืองระยอง อ้างเป็นเจ้าของเรือพร้อมกลุ่มชาวประมงกว่า 60 คน เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรเพ โดยแสดงความไม่พอใจการจับกุมของตำรวจน้ำครั้งนี้ โดยได้เข้าพบ พ.ต.อ.อภิชาติ ไชยบุญเรือง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเพ โดยกล่าวว่า การจับกุมเรือประมงของชาวประมงในพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการเลือกปฏิบัติ ทำไมไม่จับเรือที่มีอยู่ทั้งหมดราว 200 ลำ นอกจากนี้แรงงานต่างด้าวทั้งหมดมีใบอนุญาตทำงานในราชอาณาจักรถูกต้องทุกคนด้วย อีกทั้งยังอยู่ในช่วงผ่อนผันการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวอีกด้วย ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้(26 ส.ค.) เวลา 09.00 น.กลุ่มประมง จะเดินทางเข้าไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับนายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ด้าน ร.ต.ท.บดินทร์ ศรีอ่อน รองสารวัตร สถานีตำรวจน้ำ ยืนยันการจับกุมได้กระทำตามกฎหมายไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด เป็นไปตามนโยบายและแผนปฏิบัติราชการการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายโดยปฏิบัติการจับกุมและกวดขันดังกล่าว ได้มีการนำเรือตรวจการณ์พร้อมกำลังตำรวจ ทำการตรวจเรือที่แล่น ผ่านเข้า-ออก บริเวณอ่าวเพ อ.เมืองระยอง ทุกลำ



วฐิต กลางนอก/ข่าว

กลุ่มประมงเพ อ.เมืองระยอง บุกศาลากลางระยอง ร้องศูนย์ธำรงธรรม หลังตำรวจน้ำจับเรือประมงพร้อมลูกเรือชาวกัมพูชา

เวลา11.00 น. ของวันที่ 26 ส.ค.ที่ศูนย์ธำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง นายสมศักดิ์ พูลสำเภา ประธานกลุ่มเรือไดหมึกบ้านเพ พร้อมด้วยนายผู้ประกอบการประมงในตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง จำนวน 100 คน ได้มารวมตัวกันที่หน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยอง พร้อมแต่งตั้งตัวแทนเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนปัญหาความเดือนร้อนของผู้ประกอบการอาชีพประมงไดหมึกบ้านเพ เนื่องจากได้รับความเดือนร้อนโดยเมื่อคืนวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา เวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำนำโดย ร.ต.ท.บดินทร์ ศรีอ่อน รองสารวัตร สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกับการ 5 กองบังคับการตำรวจ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นำกำลังตำรวจ เข้าจับกุมเรือไดหมึกทรัพย์ธงชัย 3 ที่บริเวณท่าเทียบเรือศรีบ้านเพ ต.เพ อ.เมืองระยอง ขณะนำหมึกขึ้นฝั่ง ได้ผู้ต้องหาไต๋เรือและลูกเรือชาวกัมพูชา จำนวน 6 คน ประกอบด้วย นายชาลี ขวบ อายุ 25 ปี ไต๋เรือ นายจันทร์ทน เมียน อายุ 39 ปี นายญาติ กิม อายุ 42 ปี นายเทีย คิม อายุ 51 ปี นายนา จุม อายุ 42 ปี และนายแพะ ไม่มีนามสกุล อายุ 27 ปี พร้อมของกลาง เรือประมงทรัพย์ธงชัย 3 ยาว 6 เมตร วิทยุสื่อสาร ยี่ห้อซุปเปอร์สตาร์ รุ่น 2004 1 เครื่อง อุปกรณ์ทำการประมงไดหมึก 1 ชุด และปลาหมึกสด 8 กก.ส่ง ร.ต.อ.สากล คำยิ่งยง พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเพ ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันทำการประมงไดหมึกในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ไต๋เรือ ใช้เรือทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยไม่มีใบอนุญาตผู้ควบคุมเรือตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย เป็นบุคคลต่างด้าวทำหน้าที่เป็นลูกเรือในเรือประมง ในเขตการประมงไทยโดยมิได้รับอนุญาต นายสมศักดิ์ พูลสำเนา ประธานกลุ่มเรือไดหมึกบ้านเพ เปิดเผยว่า การมาร้องเรียนในวันนี้เพื่อขอให้ทางจังหวัดได้ดำเนินการผ่อนผันการจับกุม เนื่องจากเรือประมงประมาณ 200 ลำ พร้อมลูกเรือ 1,200 คน ต้องจอดเรือไม่กล้าออกทำการประมงเพราะเกรงจะผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องไต๋เรือที่ต้องใช้ชาวต่างชาติทางกลุ่มเรือไดหมักยังได้ทำหนังสือข้อชี้แจง ข้อเท็จจริงด้านการประมงของเรือไดหมึก ที่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีผู้ควบคุมเรือ (ไต๋เรือ) เป็นแรงงานต่างชาติ 90 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีความจำเป็นที่ว่า ผู้ควบคุมเรือคนไทยไม่นิยมประกอบอาชีพนี้แล้ว เพื่อให้ทาง คสช.ได้พิจารณาผ่อนผันผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อพิจารณาแก้ไขต่อไป

อย่างไรก็ตามสำหรับในเรื่องนี้ทางนายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้เรียกส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมพร้อมกับตัวแทนเรือประมงไดหมึกบ้านเพ เพื่อรวมหาทางออกในการแก้ไขปัญหาก่อนนำเสนอให้ คสช. พิจารณาช่วยเหลือต่อไป

ชาวสวนยางพาราระยอง ยื่นหนังสือผู้ว่าฯ หลังประสบปัญหาราคายางตกต่ำ

เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 26 ส.ค. นายสังเวิน ทวดห้อย ประธานเครือข่ายชาวสวนยางระดับจังหวัดระยอง พร้อมสมาชิกอีกจำนวน 5 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง เพื่อเรียกร้องให้ทางจังหวัดเร่งช่วยเหลือชาวสวนยางพาราในจังหวัดระยอง หลังจากที่ปัจจุบันนี้ราคาน้ำยางสดเหลือเพียงกิโลกรัมละ 44 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ตกต่ำสุด ในรอบ 10 ปี จนชาวสวนยางไม่อาจจะทำสวนยางต่อไปได้ เนื่องจากต้นทุนจะอยู่ที่ราคา 60 กว่าบาท

นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดเผยหลังรับหนังสือว่า จะส่งเรื่องให้ คสช.ทราบ ขอให้ชาวสวนยางระยองหนักแน่นและเข้มแข็งไว้ อยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียง เพราะขณะนี้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการแก้ไข และขอให้ชาวสวนยางพาราทำน้ำยางให้มีคุณภาพและหันมาทำยางแผ่นเป็นการเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น เนื่องจากตลาดยังให้ความต้องการและมีราคาสูงถึง กก.ละ 55 บาท อย่างไรก็ตาม จะส่งเรื่องร้องเรียนขอความช่วยเหลือดังกล่าว ให้ คสช.ทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนต่อไป

ผู้ตรวจฯ มท. ติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย คสช. ที่ จ.ตราด ย้ำ เร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

(25 ส.ค. 57) นายเกรียงเดช เข็มทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ประจำเขตตรวจราชการที่ 9 พร้อมคณะเดินทางติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนโยบายที่สำคัญของกระทรวงมหาดไทย ของจังหวัดตราด โดยมีนางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล ที่ห้องประชุมพลอยแดง ศาลากลางจังหวัดตราด

ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของจังหวัด ตราดครั้งนี้ ภาพรวมของจังหวัดตราดยังไม่พบปัญหาในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ในเรื่องการป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติด การดูแลและรักษาทรัพยากรป่าไม้ การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่มในช่วงฤดูฝน และโดยเฉพาะในเรื่องของการดำเนินการขับเคลื่อนของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตราด ซึ่งพบว่าจังหวัดตราดมีการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมครบทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตามแม้จังหวัดตราดจะมีการจัดตั้งศูนนย์ดำรงธรรมในระดับจังหวัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 แต่ทางกระทรวงมหาดไทยได้กำชับให้ทางจังหวัดดำเนินการแก้ไขปัญหาของประชาชนที่เข้ามาร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้หลังจากที่ได้มีการดำเนินการปรับปรุงการดำเนนวงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตราดตามนโยบาย คสช. ส่วนใหญ่พบเรื่องร้องเรียนในเรื่อง ข้อพิพาทเรื่องที่ดิน 4 เรื่อง เรื่องขอมีบัตรประจำตัวประชาชน 1 เรื่อง เรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ 1 เรื่อง และเรื่องทั่วไป 1 เรื่อง

ชาวอำเภอคลองใหญ่ร่วมกันสร้างอาคารรวมใจคลองใหญ่ 100 ปี ร.พ.คลองใหญ่ ฉลองครบ 100 ปีการก่อตั้งอำเภอคลองใหญ่ จ.ตราด

(25 ส.ค. 57) นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดอาคารรวมใจคลองใหญ่ 100 ปี และอาคารแสงบูรพา โรงพยาบาลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยมีนายธีรพล ศิรินานุวัฒน์ นายอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อดีตนายอำเภอคลองใหญ่ พร้อมด้วย นายบุญเลิศ วรวงศ์ ปลัดอาวุโสอำเภอคลองใหญ่ แพทย์หญิงโมไนยา พฤทธิภาพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคลองใหญ่ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน ผู้นำชุมชน คณะกรรมการกิ่งกาชาดอำเภอคลองใหญ่ แพทย์ พยาบาลและลูกจ้าง โรงพยาบาลคลองใหญ่เข้าร่วมพิธีเปิดผ้าแพรคลุมป้ายอาคารรวมใจคลองใหญ่ 100 ปี พร้อมตัดริบบิ้นเปิดอาคารแสงบูรพา และร่วมพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ภายในอาคารรวมใจคลองใหญ่ 100 ปี

แพทย์หญิงโมไนยา พฤทธิภาพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคลองใหญ่ กล่าวว่า ตามที่โรงพยาบาลคลองใหญ่ ประสบปัญหาความแออัดของตึกคลอด ทำให้การจัดบริการคลอดแก่ผู้รับบริการในอำเภอคลองใหญ่ขาดความสะดวกสบายและมาตรฐานคุณภาพ คณะกิ่งกาชาดอำเภอคลองใหญ่ โดยการนำของ นายธีรพล ศิรินานุวัฒน์ นายอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อดีตนายอำเภอคลองใหญ่ จึงได้มีดำริจัดหาทุนทรัพย์ขยายตึกคลอด โดยการทอดผ้าป่า เนื่องในวาระการจัดตั้งอำเภอคลองใหญ่ครบ 100 ปี ในวันที่ 5 ธันวาคม 2555 จำนวนเงิน 2.5 ล้านบาท โดยพร้อมใจกันตั้งชื่ออาคารดังกล่าวว่า "อาคารรวมใจคลองใหญ่ 100 ปี” นอกจากนี้ โรงพยาบาลคลองใหญ่ ยังพบปัญหาการดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรค ที่ต้องใช้การจัดการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (One stop service) และอาคารสถานที่ที่เหมาะสม โรงพยาบาลจึงระดมทุนจากผู้ใจบุญ ขอรับบริจาคสร้างอาคารแสงบูรพาขึ้นอีกอาคารหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากในอนาคต โรงพยาบาลคลองใหญ่ ต้องเป็นโรงพยาบาลด่านหน้าแห่งหนึ่งของประเทศในการรองรับประชาคมอาเซียน และพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ป่วยและผู้รับบริการชาติอาเซียน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับปัญหาดังกล่าว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

เหล่ากาชาดจังหวัดตราดร่วมสยามเม็คโคร สาขาตราด จัดโครงการ “ปันน้ำใจ ด้วยการให้ที่ยิ่งใหญ่”

(25 ส.ค. 57) นางยุคลฉัตร อิทธิวรกุล รองนายกเหล่ากาชาจังหวัดตราด พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดตราด พร้อมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตราด จัดหน่วยออกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ตามโครงการ "ปันน้ำใจ ด้วยการให้ที่ยิ่งใหญ่” ออกรับบริจาคโลหิตจากพนักงานสยามแม็คโคร สาขาตราด และประชาชน บริเวณภายในห้างสรรพสินค้าแม็คโครสาขาตราด

นายสมนึก แก้วสุขศรี ผู้จัดการทั่วไป สยามแม็คโครสาขาตราด กล่าวว่า การจัดโครงการปันน้ำใจ ดพ้วยการให้ที่ยิ่งใหญ่ เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้พประชาชน พนักงาน ได้ร่วมบริจาคโลหิต 1,000,000 ซี.ซี. เพื่อนำโลหิตที่ได้ไปช่วยเหลือผู้ป่วย และผู้ประสบอุบัติเหตุที่ต้องการโลหิต เนื่องจากปัจจุบันมีโรงพยาบาลชุมชนหลายแห่งกำลังขาดแคลนโลหิตในเกือบทุกหมู่เลือด อย่างไรก็ตามหากประชาชนที่ไม่สามารถเข้าร่วมบริจาคโลหิตในครั้งนี้ได้ ยังสามารถแสดงความจำนงร่วมบริจาคโลหิตโดยสามารถติดต่อบริจาคได้ที่ โรงพยาบาลทุกแห่ง ทุกวันในเวลาราชการ

เรือนจำจังหวัดตราด รวบมือรับจ้างโยนโทรศัพท์มือถือเข้าเรือนจำ สารภาพถูกข่มขู่บังคับและว่าจ้างให้นำมาโยน หวั่นครอบครัวเดือดร้อนจึงรับงาน

(25 ส.ค. 57) เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองตราด นำโดย ร.ต.ต.ไพศาล สอนสำโรง ร้อยเวร 20 สภ.เมืองตราด ได้รับแจ้งจาก นางสาวอธิชา เขียวเซ็น ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดตราดว่า ทางเรือนจำจังหวัดตราดสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยพยายามก่อเหตุโยนวัตถุต้องสงสัยเข้าไปในเรือนจำจังหวัดตราดได้จำนวน 2 คน พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่ สีม่วงขาวชมพู ป้ายแดง เลขทะเบียน 14-005 สภ.เมืองตราด และของกลางวัตถุต้องสงสัยบรรจุอยู่ในกระป๋องแป้ง ซึ่งสันนิษฐานว่า น่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายและยาเสพติดอยู่ข้างใน หลังจาก นายขันติ ระกะยาน หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและพัฒนาจิตใจเรือนจำจังหวัดตราด พร้อมด้วย นายสราวุธ แรงสูงเนิน นายวีระพงษ์ แก้วใส ผู้คุมเรือนจำจังหวัดตราด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเรือนจำจังหวัดตราด ได้ร่วมทำการจับกุมตัว 2 ชายหญิง ที่ร่วมกันพยายามโยนวัตถุต้องสงสัยเข้าไปในเรือนจำจังหวัดตราด ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์เวียนรอบรั้วกำแพงเรือนจำถึง 2 รอบ

หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองตราด และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนปราบปราม สภ.เมืองตราด เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงเรือนจำจังหวัดตราด พบผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 คน ทราบชื่อคือ นายประพฤติ เจริญรุ่งเรือง อายุ 20 ปี พักอาศัยอยู่ ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี และ นางสาวจามรี เดิมสมบูรณ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/2 ม.5 ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี สอบสวน นายประพฤติ เจริญรุ่งเรือง รับว่า ตนเองได้รับการว่าจ้างให้นำสิ่งของมาโยนเข้าเรือนจำจังหวัดตราดจริง โดยได้ค่าจ้างจำนวน 5,000 บาท โดยผู้ว่าจ้างได้ทำการข่มขู่บังคับให้นำมาส่ง ซึ่งหากไม่ทำตนเองและครอบครัวจะเดือดร้อน ส่วน นางสาวจามรี เดิมสมบูรณ์ ที่มาด้วยกัน ตนเองอาศัยให้เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาส่ง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ผู้คุมเรือนจำจังหวัดตราด ได้ทำการแกะกระป๋องแป้งดังกล่าวออกดู พบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 206 จำนวน 2 เครื่อง พร้อมแบตเตอรี่จำนวน 2 ก้อน อุปกรณ์ชาร์จแบต สายสมอลทอร์ค และแบตเตอรี่ต่างขนาดอีกจำนวน 2 ก้อน จึงได้ดำเนินการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมด้วยของกลางตามรายการดังกล่าว มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองตราด ก่อนนำตัวส่ง ร.ต.ท.อดุลย์ศักดิ์ แว่นใหญ่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองตราด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจภูธร ชลบุรี รวบ 2 คนร้ายร่วมกันทำร้ายร่างกายคนอื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

วันนี้ (วันที่ 26 สิงหาคม 2557) ตำรวจภูธร เมืองชลบุรี ได้จับกุมตัวผู้กระทำความผิด ที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเอกลักษณ์ เจริญวัย อายุ 27 ปี จนถึงแก่ความตาย และทำร้ายนายอำนาจ สงค์เจริญ อายุ 25 ปี จนได้รับบาดเจ็บ  ที่ สถานีตำรวจเมืองชลบุรี  และจากการสืบสวนจนทราบว่าผู้ร่วมกระทำผิดในคดีนี้มี จำนวน 4 คน คือ นายสาธิต หรือบอล อ่วมศรี อายุ 28 ปี นายสมยศ หรือกั๊ก ศรีสุโขทัย อายุ 29 ปี นายชยากรณ์ หรือไบร์ มาตศรี อายุ 20 ปี และนายกฤษฎา หรืออาร์ม นิลคำแหง อายุ 18 ปี

พ.ต.อ. สุรพงษ์ ไทยประเสริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี กล่าวว่า ได้ทำการจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเอกลักษณ์ เจริญวัย อายุ 27 ปี จนถึงแก่ความตาย และทำร้ายนายอำนาจ สงค์เจริญ อายุ 25 ปี จนได้รับบาดเจ็บ ในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 เวลาประมาณ 17.00 น. ที่ผ่านมาซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่านายสาธิตฯ ได้มาพักอยู่ที่บ้านพักศูนย์เครื่องจักรกลชลบุรี12 หมู่.2 ต.หนองไม้แดง อ.เมือง จ.ชลบุรี และนายสมยศ หรือกั๊ก ศรีสุโขทัย หลบมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 50/1 ม.1 ตำบลหนองไม้แดง จังหวัดชลบุรี  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ สถานที่ดังกล่าว พบผู้ต้องหา คือนาย สาธิตฯ ยืนอยู่หน้าบ้านพักศูนย์เครื่องจักรกลชลบุรี 12 และพบนายสมยศ หรือกั๊ก ศรีสุโขทัย พักอยู่ที่บ้านดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการเชิญตัว ผู้ต้องหา มาที่ สภ.เมืองชลบุรี จากการสอบถามนายสาธิตฯ และนายสมยศฯ ให้การรับว่าได้ร่วมกับพวกรุมทำร้ายร่างกายนายเอกลักษณ์ เจริญวัย จนถึงแก่ความตาย และทำร้ายร่างกายนายอำนาจ สงค์เจริญ จนได้รับบาดเจ็บจริง 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน  เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขออนุญาตศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหาดังกล่าวในข้อหาร่วมทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงหมายจับ และได้ทำการจับกุมตัวพร้อมของกลาง คือไม้เบสบอล พร้อมรถยนต์กระบะ ยี่ห้อเซฟโรเลต สีน้ำตาล ทะเบียนป้ายแดง ข - 7929  กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้ในการก่อเหตุในครั้งนี้ นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้ต้องหา อีก 2 คนที่อยู่ระหว่างการหลบหนี คือ นายชยากรณ์ หรือไบร์ มาตศรี และนายกฤษฎา หรืออาร์ม นิลคำแหง ทางตำรวจจะทำการเร่งจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป



คมศักดิ์ หล่อเถิน/ข่าว/ภาพ

บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน “DocuWorld – Smarter Communication for Smart Business” ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด

นางสาวฐิติรัตน์ ศรีธีระวิโรจน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในหลายด้าน เช่น การเกษตร การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี มีนิคมอุตสาหกรรม 5 แห่ง มีโรงงานอุตสาหกรรมนับพันโรง รวมไปถึงจังหวัดระยอง จันบุรี และตราดอีกด้วย บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์การพิมพ์และโซลูชั่นสำหรับการจัดการงานเอกสารอย่างครบวงจร ได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้จัดงาน “DocuWorld – Smarter Communication for Smart Business ณ พัฒนา กอล์ฟ คลับ แอนด์ สปอร์ต รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี เป็นงานที่รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ของการบริหารจัดการงานเอกสารสำหรับองค์กรธุรกิจต่างๆ มาจัดแสดงอย่างครบครัน

สำหรับภายในงานนี้ ได้รับเกียรติจากนายพิเชฐ ลำเพาเลิศ,Solution Support Manager บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายพิเศษในหัวข้อ “การทำงานที่สมาร์ทกว่า ด้วย ฟูจิ ซีร็อกซ์ คลาวด์ LCT โซลูชั่น ซึ่ง Light Communication Tools (LCT) คือ โซลูชั่นแพ็คเกจที่รวมการทำงานของซอฟแวร์ และการบริการไว้ด้วยกัน เพื่อลดกระบวนการทำงานในแต่ละวันลง เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการบริหารจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย 1) โปรแกรมจัดการเอกสารยอดนิยมอย่าง Docuworks 2) ระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ได้รับความไว้ใจมากที่สุดในขณะนี้ อย่าง “Working Folder” 3) บริการแปลภาษาบนคลาวด์ผ่านเครื่องมัลติฟังก์ชั่น เสมือนการถ่ายเอกสาร “Scan Translation” และ 4) การบริการบำรุงรักษาเครื่องมัลติฟังก์ชั่นอัตโนมัติอย่าง “EP-BB”

นอกจากนี้ภายในงาน DocuWorld – Smarter Communication for Smart Business ผู้เข้าร่วมงานยังได้ชมการสาธิตการแสดงเทคโนโลยีของเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น และระบบจัดการเอกสารต่างๆ เช่น ระบบการจัดการเอกสารด้วยการแสกน (OCR) ให้เป็น Microsoft Word หรือ Microsoft Excel, ระบบช่วยแปลเอกสารภาษาต่างประเทศบนคลาวด์ ผ่านเครื่องมัลติฟังก์ชั่น หรือการแชร์ข้อมูลผ่านคลาวด์, ระบบการรับแฟ็กซ์ในรูปแบบเอกสารดิจิตอล และกระจายส่งต่อไปยังปลายทางโดยอัตโนมัติ,ระบบสนับสนุนการจัดการเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพ, ระบบจัดการและรักษาความปลอดภัยของงานพิมพ์ และระบบการจัดการงานพิมพ์ใบแจ้งหนี้รูปแบบใหม่ (Planet Press Suite) เป็นต้น” ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ได้รับความสนใจจากลูกค้าในพื้นที่แถบนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากอีกด้วย



ปริญญา/ข่าว/ภาพ

สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ จัดประชุมบทบาทของกองทัพในการส่งเสริมความมั่นคงระดับอาเซียน

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557 พลเอกวุฒินันท์ ลีลายุทธ ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เป็นประธานเปิดการประชุมระดับอาเซียนในหัวข้อบทบาทของกองทัพในการส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ ณ โรงแรมเอ-วัน เดอะ รอยัล ครูส พัทยา

ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ได้จัดการประชุมระดับอาเซียนในหัวข้อ บทบาทของกองทัพในการส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ (The Role of ASEAN in Enhancing Human Security) ระหว่างวันที่ 25 – 28 สิงหาคม 2557 เพื่อเป็นเวทีสำหรับผู้เชี่ยวชาญจากชาติอาเซียน 10 ประเทศ ได้นำเสนอแนวทางในการสร้างความร่วมมือเพื่อรองรับปัญหาความมั่นคงของมนุษย์

ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนของประเทศต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการรับมือกับปัญหาความมั่นคงของมนุษย์ และในฐานะที่กองทัพเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงมีส่วนร่วมอย่างไร นอกจากนี้อาเซียนจะสร้างความร่วมมือในเรื่องนี้อย่างไร จึงเป็นที่มาของการจัดประชุมในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้เป็นเวทีของผู้เชี่ยวชาญจากชาติสมาชิกอาเซียนในการร่วมกันนำเสนอบทบาทของกองทัพในการส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ และแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือของอาเซียน ภายใต้บรรยากาศแห่งมิตรภาพ

สำหรับการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยผู้แทนจากเครือข่ายทางวิชาการ Track ll Network of ASEAN Defence and Security Institutions (NADI) จากชาติสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ จำนวน 33 คน โดยมีการบรรยายพิเศษเรื่อง บทบาทของแรงงานข้ามชาติในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จากศาสตราจารย์ ดร.พิริยะ ผลพิรุฬห์ รองคณะบดีวิทยาลัยนานชาติ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ จากนั้นเป็นการนำเสนอเรื่อง บทบาทของกองทัพในการส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ โดยพลตรี ดร.ไชยอนันต์ จันทคณานุรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ และจากนั้นเป็นการนำเสนอจากผู้แทนสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศในหัวข้อ บทบาทของกองทัพในการส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อการเสริมสร้างความร่วมมือในอาเซียน

ภายหลังการประชุมในครั้งนี้ ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ จะได้รายงานผลการประชุมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อนำหารือแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือในที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ASEAN Cefence ministers Meeting: ADMM) และแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและพลเรือนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่องานด้านการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ อันจะนำไปสู่ความผาสุกของประชาชนและความมั่นคงของชาติต่อไป




ปริญญา/ข่าว/ภาพ