พลตรีธีร์ธวัช พลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เดินทางมาตรวจเยี่ยม และมอบโครงการระบบประปาหมู่บ้านให้กับราษฎร ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา โดยมีพันเอก นพดล ปิ่นทอง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาให้การต้อนรับ
อย่างไรก็ตามนอกจาการส่งมอบโครงการนี้ ยังมีโครงการอื่น ๆ ที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 ดำเนินการ เช่น โครงการจัดหาน้ำกินน้ำใช้ โครงการพัฒนาช่วยเหลือประชาชน โครงการเกษตรผสมผสาน และจัดกิจกรรมชุดพัฒนาเคลื่อนที่มาดำเนินการแจกจ่ายยารักษาโรค ตัดผม ตลอดจนซ่อมจักรยานให้แก่เด็กนักเรียนในตำบลด่านชุมพล และมอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ สำหรับตำบลด่านชุมพล มี 6 หมู่บ้านประกอบด้วยหมู่บ้าน หมู่1 บ้านด่านชุมพล , หมู่2 บ้านเขาขาด , หมู่3 บ้านคลองแสง , หมู่ 4 บ้านทางกลาง , หมู่ 5 บ้านทับมะกอก , หมู่ 6 บ้านปะเดา จำนวนประชากร 1760 คน
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557
สปต.กรมประชาสัมพันธ์ นำสื่อ VOV ของเวียดนาม ดูสถานการณ์การค้าชายแดนด้าน จ.ตราด ตามโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อ เตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ส่วนส่งเสริมงานประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ (สปต.) กรมประชาสัมพันธ์ นำผู้สื่อข่าว วิทยุ โทรทัสน์ และสื่อออนไลน์ ของสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) เดินทางลงพื้นที่ บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อผลิตข่าวสถานการณ์การค้าชายแดนด้านำไทย – กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด ตามโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อ (Media Practitioners Exchange) ซึ่งสำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ (สปต.) กรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินโครงการร่วมกับ VOV
นางประไพศรี เก็ตสะวา นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กล่าวว่า โครงการนี้ มุ่งแลกเปลี่ยนประสบการณ์และขยายเครือข่ายระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อของทั้งสองประเทศ โดยผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อมวลชนของเวียดนามที่เข้าร่วมโครงการจะได้ร่วมผลิตรายการข่าวประเภทรายงานพิเศษ ทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต เพื่อเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) โดยการลงพื้นที่บ้านหาดเล็ก ในครั้งนี้สื่อมวลชนของ VOV ได้ศึกษาการขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างไทย – กัมพูชา - เวียดนาม ที่ท่าเทียบเรือ ส.กฤตรวัณ และการขนส่งสินค้าทางถนนแนวเส้นทางสายเลียบชายฝั่งทะเล ( R 10 ) ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดตราด– เกาะกง – สะแรอัมเบิล – กัมปอต – ฮาเตียง – คาเมา – น้ำคาน ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก โดยมีนายสมชาย กิมสร้อย รองนายกเทศมนตรีตำบลหาดเล็ก รวมทั้งผู้ประกอบการท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าร่วมให้ข้อมูล
ทั้งนี้มูลค่าการค้าชายแดนด้านจังหวัดตราดมีมูลค่าการค้ารวมในแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่เนื่องอย่างในปีงบประมาณที่ผ่านมา (ปี พ.ศ. 2556) มูลค่าการค้าการค้ารวมถึง 26,720.38 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2555 ที่มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 24,000 ล้านบาท สำหรับการขนส่งสินค้าเพื่อส่งออกด้านจังหวัดตราด กว่าร้อยละ 80 เป็นการขนส่งผ่านท่าเรือเอกชนแต่คาดว่าในอนาคตอันใกล้การขนส่งสินค้าทางรถยนต์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นจากปัจจัยการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางถนน
นางประไพศรี เก็ตสะวา นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กล่าวว่า โครงการนี้ มุ่งแลกเปลี่ยนประสบการณ์และขยายเครือข่ายระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อของทั้งสองประเทศ โดยผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อมวลชนของเวียดนามที่เข้าร่วมโครงการจะได้ร่วมผลิตรายการข่าวประเภทรายงานพิเศษ ทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต เพื่อเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) โดยการลงพื้นที่บ้านหาดเล็ก ในครั้งนี้สื่อมวลชนของ VOV ได้ศึกษาการขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างไทย – กัมพูชา - เวียดนาม ที่ท่าเทียบเรือ ส.กฤตรวัณ และการขนส่งสินค้าทางถนนแนวเส้นทางสายเลียบชายฝั่งทะเล ( R 10 ) ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดตราด– เกาะกง – สะแรอัมเบิล – กัมปอต – ฮาเตียง – คาเมา – น้ำคาน ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก โดยมีนายสมชาย กิมสร้อย รองนายกเทศมนตรีตำบลหาดเล็ก รวมทั้งผู้ประกอบการท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าร่วมให้ข้อมูล
ทั้งนี้มูลค่าการค้าชายแดนด้านจังหวัดตราดมีมูลค่าการค้ารวมในแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่เนื่องอย่างในปีงบประมาณที่ผ่านมา (ปี พ.ศ. 2556) มูลค่าการค้าการค้ารวมถึง 26,720.38 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2555 ที่มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 24,000 ล้านบาท สำหรับการขนส่งสินค้าเพื่อส่งออกด้านจังหวัดตราด กว่าร้อยละ 80 เป็นการขนส่งผ่านท่าเรือเอกชนแต่คาดว่าในอนาคตอันใกล้การขนส่งสินค้าทางรถยนต์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นจากปัจจัยการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางถนน
บรรยากาศร้านจำหน่ายชุดนักเรียนในตลาดสดเทศบาลเมืองตราดเริ่มคึกคัก ปชช.ต่างพาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียน
(28 เม.ย. 57) บริเวณร้านจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียน ในตลาดสดเทศบาลเมืองตราด เริ่มมีความคึกคัก ประชาชน พาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียนก่อนที่จะเปิดเรียน ในภาคการศึกษาที่ 1 /2557 ในช่วงกลางเดือนะพฤษภาคม นี้ โดยพบว่าส่วนใหญ่จะซื้อเครื่องแบบนักเรียนให้กับบุตรหลานเฉลี่ยคนละ 2 – 3 ชุด
นางลักขณา บุญรอด ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียนในตลาดสดเทศบาลเมืองตราด เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ประชาชนเริ่มพาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียน เนื่องจากใกล้เปิดภาคเรียนใหม่ ซึ่งคาดว่า ก่อนช่วงเปิดภาคเรียนจะมีลูกค้าที่เป็นเกษตรกรชาวสวนผลไม้จำนวนมากมาเลือกซื้อชุดนักเรียนให้บุตรหลาน เนื่องจากผลไม้กำลังออกสู่ตลาด ทำให้ผู้ปกครองกลุ่มดังกล่าวที่ขายผลผลิตได้ จะมาเลือกซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรหลานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาจำหน่ายชุดนักเรียนในปีนี้ มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยชุดนักเรียนเด็กเล็ก จำหน่ายในราคาชุดละ 300 บาทขึ้นไป ส่วนเด็กโต จำหน่ายในราคาชุดละ 400 บาทขึ้นไป โดยทางร้านจะบริการปักชื่อให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
นางลักขณา บุญรอด ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียนในตลาดสดเทศบาลเมืองตราด เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ประชาชนเริ่มพาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียน เนื่องจากใกล้เปิดภาคเรียนใหม่ ซึ่งคาดว่า ก่อนช่วงเปิดภาคเรียนจะมีลูกค้าที่เป็นเกษตรกรชาวสวนผลไม้จำนวนมากมาเลือกซื้อชุดนักเรียนให้บุตรหลาน เนื่องจากผลไม้กำลังออกสู่ตลาด ทำให้ผู้ปกครองกลุ่มดังกล่าวที่ขายผลผลิตได้ จะมาเลือกซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรหลานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาจำหน่ายชุดนักเรียนในปีนี้ มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยชุดนักเรียนเด็กเล็ก จำหน่ายในราคาชุดละ 300 บาทขึ้นไป ส่วนเด็กโต จำหน่ายในราคาชุดละ 400 บาทขึ้นไป โดยทางร้านจะบริการปักชื่อให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
จังหวัดตราด เปิดเวที อปพร.สัญจร มุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำงานให้กับสมาชิก อปพร.
(28 เม.ย. 57) นายพยัคฆพันธุ์ โพธิ์แก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดการประชุมประชาคม อปพร. สัญจร จังหวัดตราด ประจำปีงบประมาณ 2557 ซึ่งจังหวัดตราดโดยศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) จังหวัดตราดจัดขึ้น มีคณะกรรมการประสานงานศูนย์ อปพร.อำเภอทุกพื้นที่ในจังหวัดตราดเข้าร่วมกว่า 190 คน ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด โดยก่อนการเปิดประชุม อปพร.สัญจร ได้มีพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภาณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 7 เหริยญเงินดิเรกคุณาภรณ์ ให้กับนายคตกฤช จัญญากร อปพร.จาก อบต.เกาะช้างใต้ พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ อปพร.ดีเด่นให้กับนายสุรัตน์ พูลเกษม อปพร. จาก อบต.หนองโสน
นายฐิตนันท์ อุดมสุข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด กล่าวว่า การจัดประชาคม อปพร. สัญจรครั้งนี้ ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะ ศูนย์ อปพร.กลางได้กำหนดให้ศูนย์ อปพร.จังหวัดจัดขึ้นตามพื้นที่ต่าง ๆ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้คณะกรรมการประจำศูนย์ อปพร.ในระดับจังหวัดและอำเภอได้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนสู่การมีระบบอาสาสมัครอย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพในการช่วยงานป้องกันและบรรเทาสธารณภัยทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน พร้อมกันนี้ยังเป็นการทั้งร่วมกันกำหนดโยบายและแนวทางในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของศูนย์ อปพร.ทุกพื้นที่ อย่างไรก็ตามจัดเวทีครั้งนี้ยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องนโยบาย กฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจการ อปพร. อีกด้วย
หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันจังหวัดตราดมีสมาชิก อปพร.กระจายในพื้นที่ต่าง ๆ รวม 5,894 คน คิดเป็นร้อยละ 2.68 ของจำนวนประชากรทั้งจังหวัด ซึ่งสูงกว่าจำนวนสมาชิก อปพร.ที่ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำหนดให้ทุกจังหวัดมีสมาชิก อปพร.ร้อยละ 2 ต่อจำนวนประชากรทั้งหมด ท้งนี้เพื่อให้งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีความครอบคลุมในทุกพื้นที่
นายฐิตนันท์ อุดมสุข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด กล่าวว่า การจัดประชาคม อปพร. สัญจรครั้งนี้ ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะ ศูนย์ อปพร.กลางได้กำหนดให้ศูนย์ อปพร.จังหวัดจัดขึ้นตามพื้นที่ต่าง ๆ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้คณะกรรมการประจำศูนย์ อปพร.ในระดับจังหวัดและอำเภอได้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนสู่การมีระบบอาสาสมัครอย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพในการช่วยงานป้องกันและบรรเทาสธารณภัยทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน พร้อมกันนี้ยังเป็นการทั้งร่วมกันกำหนดโยบายและแนวทางในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของศูนย์ อปพร.ทุกพื้นที่ อย่างไรก็ตามจัดเวทีครั้งนี้ยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องนโยบาย กฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจการ อปพร. อีกด้วย
หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันจังหวัดตราดมีสมาชิก อปพร.กระจายในพื้นที่ต่าง ๆ รวม 5,894 คน คิดเป็นร้อยละ 2.68 ของจำนวนประชากรทั้งจังหวัด ซึ่งสูงกว่าจำนวนสมาชิก อปพร.ที่ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำหนดให้ทุกจังหวัดมีสมาชิก อปพร.ร้อยละ 2 ต่อจำนวนประชากรทั้งหมด ท้งนี้เพื่อให้งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีความครอบคลุมในทุกพื้นที่
ปภ.ตราด แจ้งเตือนประชาชนระวังปัญหาจากพายุฤดูร้อนในระยะ 3 – 4 วันนี้
(28 เม.ย. 57) นายฐิตนันท์ อุดมสุข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อน จากอิทธิพลของความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงที่แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน ลักษณะดังกล่าวอาจก่อให้เกิดพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะอากาศเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ อาจอาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในระยะ 3 – 4 วันนี้ ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงขอความร่วมมือให้ทุกอำเภอ ตลอดจนองค์การปกครองส่วนท่องถิ่นทุกแห่งเร่งประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน และสื่อมวลชนท้องถิ่นให้ประชาชนเตรียมพร้อมในการรับมือ โดยดูแลบ้านเรือนให้มีความแข็งแรงตัดแต่งกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ตัวบ้าน รวมทั้งงดใช้โทรศัพท์มือถือในที่โล่งแจ้งในส่วนของหน่วยงานภาครัฐ ขอให้ตรวจสอบป้ายโฆษณาหรือสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงหากพบว่าอาจไม่ปลอดภัยกับประชาชนทั้งนี้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุด่วนได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด หมายเลขโทรศัพท์ 0-3952-5730 ตลอด 24 ชั่วโมง
เจ้าท่าภูมิภาคสาขาตราด เตือนชาวเรือระวังอิทธิพลคลื่นลมแรง จากพายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะนี้
(28 เม.ย. 57) นายบุญเรียง รัตนบัณฑิตกุลผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด เปิดเผยว่า ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามตรวจสอบสภาวะอากาศจากรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุฤดูร้อน ในช่วงนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2557 จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนกลางแล้ว ลักษณะดังกล่าวอาจก่อให้เกิดพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ และทะเลอาจมีคลื่นลมแรงในระยะนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด จึงขอแจ้งเตือนชาวเรือ และผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือเป็นพิเศษ และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศโดยใกล้ชิด นอกจากนี้ก่อนนำเรือออกจากท่าควรตรวจความพร้อมของตัวเรือ เครื่องยนต์ ไฟเดินเรือ แตรสัญญาณ เครื่องมือสื่อสาร และอุปกรณ์ชูชีพ ให้มีความพร้อมก่อนออกใช้งาน
สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กปส. นำสื่อเวียดนามแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผลิตข่าวการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด
(28 เม.ย. 57) ส่วนส่งเสริมงานประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ (สปต.) กรมประชาสัมพันธ์ นำผู้สื่อข่าว วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ ของสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) เดินทางลงพื้นที่ บ้านน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด เพื่อผลิตข่าวการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนของบ้านน้ำเชี่ยว ชุมชนสองศาสนา สามวัฒนธรรม พร้อมทั้งลงพื้นที่อำเภอเกาะช้างในการผลิตงานข่าวด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของพื้นที่อำเภอเกาะช้าง ตามโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อ (Media Practitioners Exchange)
สำหรับโครงการนี้เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และขยายเครือข่ายระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อของทั้งสองประเทศ โดยผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อมวลชนของเวียดนาม ที่เข้าร่วมโครงการจะได้ร่วมผลิตรายการข่าวประเภทรายงานพิเศษ ทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต เพื่อเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) สำหรับการนำลงพื้นที่บ้านน้ำเชี่ยวเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชน ที่เกิดจากความเข้มแข็งของชุมชน จนหมู่บ้านน้ำเชี่ยวแห่งนี้ นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแล้วยังเป็นแหล่งเรียนรู้ ในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวชุมชนที่มีรางวัลกินรี ด้านชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยว จาก ททท. เนื่องจากมีศักยภาพของการบริหารจัดการของคนในชุมชนเอง ที่มีการแบ่งหน้าที่ในด้านต่าง ๆ ที่ประกอบด้วย กลุ่มที่พักโฮมเสตย์ กลุ่มสาธิตการผลิตสินค้าที่ระลึก กลุ่มทำอาหาร กลุ่มเรือเล็กที่นำนักท่องเที่ยวชมธรรมชาติ กลุ่มมัคคุเทศน์น้อย ซึ่งเป็นกลไกลที่สำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จนทำให้ปัจจุบันชุมชนแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในระดับประเทศ
อย่างไรก็ตามนอกจากการนำสื่อมวลชนจากเวียดนามลงพื้นที่บ้านน้ำเชี่ยวแล้ว ยังได้นำชมและร่วมผลิตรายการข่าวในเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือนหมู่เกาะช้างของจังหวัดตราด ซึ่งมีส่วนในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในภาพรวมให้กับจังหวัดตราดกว่า 11,000 ล้านบาทต่อปี มีนักท่องเที่ยวเข้ามายือนในแต่ละปีกว่า 1.6 ล้านคน
สำหรับโครงการนี้เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และขยายเครือข่ายระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อของทั้งสองประเทศ โดยผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อมวลชนของเวียดนาม ที่เข้าร่วมโครงการจะได้ร่วมผลิตรายการข่าวประเภทรายงานพิเศษ ทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต เพื่อเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) สำหรับการนำลงพื้นที่บ้านน้ำเชี่ยวเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชน ที่เกิดจากความเข้มแข็งของชุมชน จนหมู่บ้านน้ำเชี่ยวแห่งนี้ นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแล้วยังเป็นแหล่งเรียนรู้ ในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวชุมชนที่มีรางวัลกินรี ด้านชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยว จาก ททท. เนื่องจากมีศักยภาพของการบริหารจัดการของคนในชุมชนเอง ที่มีการแบ่งหน้าที่ในด้านต่าง ๆ ที่ประกอบด้วย กลุ่มที่พักโฮมเสตย์ กลุ่มสาธิตการผลิตสินค้าที่ระลึก กลุ่มทำอาหาร กลุ่มเรือเล็กที่นำนักท่องเที่ยวชมธรรมชาติ กลุ่มมัคคุเทศน์น้อย ซึ่งเป็นกลไกลที่สำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จนทำให้ปัจจุบันชุมชนแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในระดับประเทศ
อย่างไรก็ตามนอกจากการนำสื่อมวลชนจากเวียดนามลงพื้นที่บ้านน้ำเชี่ยวแล้ว ยังได้นำชมและร่วมผลิตรายการข่าวในเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือนหมู่เกาะช้างของจังหวัดตราด ซึ่งมีส่วนในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในภาพรวมให้กับจังหวัดตราดกว่า 11,000 ล้านบาทต่อปี มีนักท่องเที่ยวเข้ามายือนในแต่ละปีกว่า 1.6 ล้านคน
จันทบุรีแข่งขันตกปลาชะโดป้องกันแก้ปัญหาสัตว์น้ำอื่นสูญพันธุ์
จังหวัดจันทบุรีจัดแข่งขันตกปลาชะโดในแม่น้ำจันทบุรี ป้องกันแก้ปัญหาปลาอื่นสูญพันธุ์หลังพบปลาชะโดมีปริมาณมากกระทบพันธุ์สัตว์น้ำชนิดอื่นเร่งสร้างสมดุลธรรมชาติ
ตามที่มีชาวบ้านและชาวประมงพื้นบ้านในแม่น้ำจันทบุรีได้ร้องเรียนจังหวัดให้หาแนวทางแก้ปัญหาการแพร่พันธุ์ของปลาชะโดในแม่น้ำจันทบุรีที่มีผลกระทบต่อจำนวนสัตว์น้ำอื่น ๆ ทำให้ลดลงและมีแนวโน้มอาจจะสูญพันธุ์ นายเกรียงเดช เข็มทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี จึงได้มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรีหาแนวทางการแก้ปัญหา และได้จัดโครงการ เทศกาลแข่งขันตกปลาชะโดล่าเพชฌฆาตลุ่มน้ำจันทบุรีครั้งที่ 1 ขึ้น มีประชาชนชาวบ้านร่วมแข่งขันรวมทั้งสิ้น 304 รายโดยกติกาให้ใช้เบ็ดเป็นอุปกรณ์การแข่งขันเพียงอย่างเดียวมีพื้นที่การตกปลาตลอดแม่น้ำจันทบุรีและมีจุดชั่งน้ำหนักปลา 3 จุดคือที่สะพานกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ ฝายท่าระม้า อำเภอมะขาม และบ้านขอมหมู่ 8 ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง โดยการตกปลาชะโดครั้งนี้มีพรานเบ็ดสามารถล่าปลาชะโดในแม่น้ำจันทบุรีขึ้นมาได้ 22 ตัว รวมน้ำหนัก 71.8 กิโลกรัม และในพิธีมอบรางวัลมีนายพจน์ รักความสุข ปลัดจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานมอบรางวัลโดยผู้ชนะเลิศประเภทน้ำหนักปลามากที่สุดได้แก่นายอนุสรณ์ ปราบไพลิน ชาวบ้านหมู่ที่ 6 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี สามารถตกปลาชะโดน้ำหนัก 8 กิโลกรัม ส่วนประเภทน้ำหนักรวมชนะเลิศได้แก่นายนิพนธ์ สิงห์ท่าเมือง ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลท่าหลวง อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรีตกปลาชะโดได้ 4 ตัวรวมน้ำหนัก 13.8 กิโลกรัม
โอกาสเดียวกันนี้สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรีได้จัดให้มีพิธีปล่อยพันธุ์ปลาเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในแม่น้ำจันทบุรีพร้อมทั้งจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ด้านชีววิทยาปลาชะโด และการใช้ประโยชน์จากปลาชะโด การจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำและพันธ์ปลาท้องถิ่นที่พบได้ในแม่น้ำจันทบุรี นิทรรศการจันทบุรีเมืองเกษตรสีเขียว รวมทั้งการสาธิตปรุงอาหารจากเนื้อปลาชะโดของกลุ่มแม่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดจันทบุรีที่มาร่วมกิจกรรม
ตามที่มีชาวบ้านและชาวประมงพื้นบ้านในแม่น้ำจันทบุรีได้ร้องเรียนจังหวัดให้หาแนวทางแก้ปัญหาการแพร่พันธุ์ของปลาชะโดในแม่น้ำจันทบุรีที่มีผลกระทบต่อจำนวนสัตว์น้ำอื่น ๆ ทำให้ลดลงและมีแนวโน้มอาจจะสูญพันธุ์ นายเกรียงเดช เข็มทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี จึงได้มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรีหาแนวทางการแก้ปัญหา และได้จัดโครงการ เทศกาลแข่งขันตกปลาชะโดล่าเพชฌฆาตลุ่มน้ำจันทบุรีครั้งที่ 1 ขึ้น มีประชาชนชาวบ้านร่วมแข่งขันรวมทั้งสิ้น 304 รายโดยกติกาให้ใช้เบ็ดเป็นอุปกรณ์การแข่งขันเพียงอย่างเดียวมีพื้นที่การตกปลาตลอดแม่น้ำจันทบุรีและมีจุดชั่งน้ำหนักปลา 3 จุดคือที่สะพานกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ ฝายท่าระม้า อำเภอมะขาม และบ้านขอมหมู่ 8 ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง โดยการตกปลาชะโดครั้งนี้มีพรานเบ็ดสามารถล่าปลาชะโดในแม่น้ำจันทบุรีขึ้นมาได้ 22 ตัว รวมน้ำหนัก 71.8 กิโลกรัม และในพิธีมอบรางวัลมีนายพจน์ รักความสุข ปลัดจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานมอบรางวัลโดยผู้ชนะเลิศประเภทน้ำหนักปลามากที่สุดได้แก่นายอนุสรณ์ ปราบไพลิน ชาวบ้านหมู่ที่ 6 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี สามารถตกปลาชะโดน้ำหนัก 8 กิโลกรัม ส่วนประเภทน้ำหนักรวมชนะเลิศได้แก่นายนิพนธ์ สิงห์ท่าเมือง ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลท่าหลวง อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรีตกปลาชะโดได้ 4 ตัวรวมน้ำหนัก 13.8 กิโลกรัม
โอกาสเดียวกันนี้สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรีได้จัดให้มีพิธีปล่อยพันธุ์ปลาเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในแม่น้ำจันทบุรีพร้อมทั้งจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ด้านชีววิทยาปลาชะโด และการใช้ประโยชน์จากปลาชะโด การจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำและพันธ์ปลาท้องถิ่นที่พบได้ในแม่น้ำจันทบุรี นิทรรศการจันทบุรีเมืองเกษตรสีเขียว รวมทั้งการสาธิตปรุงอาหารจากเนื้อปลาชะโดของกลุ่มแม่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดจันทบุรีที่มาร่วมกิจกรรม
จรัล/ภาพ/ข่าว
จันทบุรีเตรียมจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก 2557
จังหวัดจันทบุรีเชิญชวนประชาชนร่วมแต่งกายชุดขาว เข้าวัดทำบุญถือศีลปฏิบัติธรรมละเว้นอบายมุข 11 – 17 พฤษภาคม 2557 เนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557
วันนี้ ( 28 เม.ย.57 ) ที่ ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรีพระราชจันทโมลี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรีเจ้าอาวาสวัดบูรพาพิทยาราม พร้อมด้วยนายสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานในการประชุมเตรียมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2556 มีคณะสงฆ์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยจังหวัดจันทบุรีกำหนดวันที่ 11 – 17 พฤษภาคม 2557 เป็นสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลวันวิสาข บูชาโลก ประจำปี 2557 เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมของส่วนกลางและทั่วประเทศ โดยจังหวัดจันทบุรีเน้นการประชาสัมพันธ์รณรงค์แต่งชุดขาวหรือชุดปฏิบัติธรรมสีขาวตลอดสัปดาห์ พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชน พุทธศาสนิกชนเข้าวัดถือศีล ฟังธรรม ลด ละ เลิก อบายมุข พร้อมทั้งร่วมประดับธงสัญลักษณ์พระพุทธศาสนาและธงชาติตามอาคารบ้านเรือน ร้านค้า สถานที่ราชการ ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีจะพิธีทำบุญตักบาตร พิธีเวียนเทียน บำเพ็ญเนกขัมมะบารมี ณ วัดบูรพาพิทยาราม อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
จังหวัดจันทบุรีจึงขอเชิญชวนประชาชน ร่วมแต่งกายชุดขาว ถือศีล ปฏิบัติธรรม ละเว้นอบายมุขในช่วงสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก 11 – 17 พฤษภาคม 2557 โดยพร้อมเพียงกัน
วันนี้ ( 28 เม.ย.57 ) ที่ ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรีพระราชจันทโมลี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรีเจ้าอาวาสวัดบูรพาพิทยาราม พร้อมด้วยนายสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานในการประชุมเตรียมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2556 มีคณะสงฆ์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยจังหวัดจันทบุรีกำหนดวันที่ 11 – 17 พฤษภาคม 2557 เป็นสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลวันวิสาข บูชาโลก ประจำปี 2557 เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมของส่วนกลางและทั่วประเทศ โดยจังหวัดจันทบุรีเน้นการประชาสัมพันธ์รณรงค์แต่งชุดขาวหรือชุดปฏิบัติธรรมสีขาวตลอดสัปดาห์ พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชน พุทธศาสนิกชนเข้าวัดถือศีล ฟังธรรม ลด ละ เลิก อบายมุข พร้อมทั้งร่วมประดับธงสัญลักษณ์พระพุทธศาสนาและธงชาติตามอาคารบ้านเรือน ร้านค้า สถานที่ราชการ ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีจะพิธีทำบุญตักบาตร พิธีเวียนเทียน บำเพ็ญเนกขัมมะบารมี ณ วัดบูรพาพิทยาราม อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
จังหวัดจันทบุรีจึงขอเชิญชวนประชาชน ร่วมแต่งกายชุดขาว ถือศีล ปฏิบัติธรรม ละเว้นอบายมุขในช่วงสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก 11 – 17 พฤษภาคม 2557 โดยพร้อมเพียงกัน
จรัล/ภาพ/ข่าว ( 28 เม.ย.57 )
ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจข่าว
โครงการอบรมผู้ฝึกสอนกีฬาบอชชี่ ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2557 เวลา 9.30 น. ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12 นายอุดมศักดิ์ เจริญวุฒิ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีเป็นประธานเปิดโครงการอบรมผู้ฝึกสอนกีฬาบอชชี่ โดยมีนางพิศเรณู รัตนวิจารณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12 กล่าวรายงานและให้การต้อนรับคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ซึ่งโครงการที่อบรมในวันนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ฝึกสอนมีความรู้เรื่องกฎ และกติกากีฬาบอชชี่และนำความรู้ที่ได้ไปฝึกสอนแก่เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และมีคุณค่า เพราะกีฬาเป็นสื่อในการพัฒนาสมองเด็กพิเศษ ช่วยในการเสริมสร้างทักษะให้เด็กพิเศษ ได้เรียนรู้วิธีการเล่นกีฬาตามศักยภาพของตนจนสามารถพัฒนาความสามารถของเด็กพิเศษทางสมองและปัญญาให้ใกล้เคียงกับการเล่นของคนปกติได้
นายอุดมศักดิ์ เจริญวุฒิ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ให้ความสำคัญเกี่ยวกับกีฬาทุกประเภท เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาได้อย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งกีฬาบอชชี่ที่เป็นกีฬาใหม่สำหรับเด็กพิเศษ ยังไม่แพร่หลายกันมากในโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่ช่วยพัฒนาสมองและปัญญาได้เป็นอย่างดี สำหรับการอบรมในครั้งนี้ มีผู้ร่วมอบรม จำนวน 100 คน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นเงิน 107,200 บาท
นายอุดมศักดิ์ เจริญวุฒิ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ให้ความสำคัญเกี่ยวกับกีฬาทุกประเภท เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาได้อย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งกีฬาบอชชี่ที่เป็นกีฬาใหม่สำหรับเด็กพิเศษ ยังไม่แพร่หลายกันมากในโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่ช่วยพัฒนาสมองและปัญญาได้เป็นอย่างดี สำหรับการอบรมในครั้งนี้ มีผู้ร่วมอบรม จำนวน 100 คน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นเงิน 107,200 บาท
ปริญญา/ข่าว/ภาพ
ปวีณา นำกำลังทลายแก๊งค้ามนุษย์รายใหญ่
ปวีณา นำกำลังทลายแก๊งค้ามนุษย์รายใหญ่ พบมีการนำเด็กและคนพิการมาขอทานกับเร่ขายของตามย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา
นางปวีณา หงสกุล รักษาการ รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และประธาน“มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี”(องค์กรสาธรณประโยชน์) ได้รับการประสานจากนายศุภชัย ลิ้มพิพัฒน์โสภณ เจ้าหน้าที่ธุรการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 2 (ภาคตะวันออก)หรือดีเอสไอ ว่ามีขบวนการนำเด็กมาเร่ขายของและขอทานในเมืองพัทยาเป็นจำนวนมาก จึงเดินทางลงพื้นที่และพร้อมด้วย พ.ต.อ.เชาว์วัย ศาลกมล พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ บก.สตม. นายประวิทย์ ไชยบัวแดง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการกรมสอบสวนคดีพิเศษภาค 2 พ.ต.ท.คมวิชฐ์ พัฒนรัฐ ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปราม ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ พัฒนาสังคมจังหวัดชลบุรี นำกำลังตำรวจ สภ.หนองปรือ สภ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง บุกตรวจค้นเป้าหมายรวม 3 จุด
โดยจุดแรกตรวจค้นบ้านเลขที่ 245/70 หมู่บ้านพาราไดซ์ฮิลล์ 2 ซอยบุญสัมพันธ์ (เขาน้อย) หมู่ 13 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นบ้านหรู 2 ชั้น ภายในบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างแบ่งเป็นห้องให้เช่า พบผู้เช่าอาศัยชาวไทยรวม 6 คน และนางเกีย อายุ 42 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งไม่มีเอกสารพาสปอร์ตมาแสดง โดยมีนายสุทธิ สบายแท้ อายุ 40 ปี รับเป็นผู้ดูแลบ้าน จากการตรวจสอบตามห้องต่างๆ ในบ้านพบมีเสื้อผ้าเด็กเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้ ส่วนจุดที่ 2 ตรวจค้นห้องแถวให้เช่าชั้นเดียว เลขที่ 107 ในซอยเดียวกัน พบนางเอ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) อายุ 45 ปี อยู่ในห้องกับลูกสาววัย 7 ขวบ จึงเชิญตัวไปให้ปากคำที่ดีเอสไอ
จุดที่ 3 เดินทางไปที่ห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ ซึ่งปลูกเรียงรายกันรวม 10 ห้อง ภายในซอยหนองเกตุใหญ่ 6 หมู่ 1 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง พบว่าห้องเป้าหมายจำนวน 2 ห้อง ไม่มีคนอยู่ แต่เมื่อตรวจค้นพบเสื้อผ้าและของเล่นเด็กเป็นจำนวนมาก สอบถาม น.ส.ขวัญเรือน ศรีอร่าม อายุ 33 ปี ชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบว่า ทั้ง 2 ห้องมีผู้ใหญ่และเด็กๆทั้งชาย-หญิง เช่าอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 20 กว่าคน บางวันจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าคล้ายถูกทำร้าย โดยขณะนี้ทั้งหมดพากันเดินทางไปงานศพที่วัดสว่างฟ้าพฤฒาราม ย่านนาเกลือ
ต่อมาคณะได้เดินทางไปที่วัดดังกล่าว พบเด็กชายและเด็กหญิง อายุระหว่าง 1-15 ปี รวม 23 คน กำลังวิ่งเล่นอยู่หน้าศาลาอย่างสนุกสนาน จากการสังเกตพบว่าเกือบทุกคนจะย้อมสีผมให้เป็นสีแดงคล้ายๆ กันหมด นอกจากนี้ภายในศาลายังพบชายและหญิงชาวไทยที่อ้างเป็นผู้ปกครองของเด็กนั่งอยู่ประมาณ 6 คน หนึ่งในนั้นมีนายสมชาย หงษ์ชฎา อายุ 43 ปี ที่ตามข้อมูลระบุว่าเป็นคนคอยขับรถ จยย.พ่วงข้างพาเด็กๆ ไปนั่งขอทานในย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้เพื่อสอบปากคำและทำการคัดแยก พร้อมกับตรวจสอบว่าเด็กเป็นลูกของตัวเองจริงหรือไม่ เพราะสามี-ภรรยาบางคู่มีลูกอายุไล่เลี่ยกันมากถึง 4-5 คน
นางปวีณา หงสกุล เปิดเผยว่า หลังได้รับการประสานงานจาก ดีเอสไอ.ภาค 2 จึงส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนหาข้อมูล และใช้เวลาในการติดตามพฤติกรรมของขบวนการนี้มาระยะหนึ่ง จนพบว่ามีหญิงชาวเขมรคนหนึ่งนำเด็กเล็กๆ ไปส่งตามตลาดนัดและย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลือเด็กหญิงชาวกัมพูชาวัย 5 ขวบไว้ได้จำนวน 2 คน จากการพูดคุยสอบถามทราบว่า มารดาของทั้งคู่เป็นชาวกัมพูชาชื่อนางเกีย หรือเล็ก โดยทุกวันนางเกีย จะพาไปขอทานและเร่ขายของอยู่เป็นประจำ เมื่อได้เงินมานางเกีย ก็จะนำไปซื้อยาบ้าและสุราดื่ม แต่หากวันไหนไม่ได้เงินเด็กๆ ก็จะถูกตีอย่างทารุณ ส่วนแนวทางการสืบสวนยังทราบอีกว่า แก๊งค้ามนุษย์รายนี้ทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งมีทั้งชาวไทยและกัมพูชารวมอยู่ด้วย โดยพฤติกรรมจะทำการจัดหาเด็กและคนพิการ ส่งมาจากประเทศกัมพูชา แล้วแบ่งกันเช่าบ้านอยู่รวม 3 จุดตามที่ทางเจ้าหน้าที่ได้บุกไปตรวจค้นในวันนี้
นางปวีณา เผยอีกว่า จากการเข้าตรวจค้นช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เป็นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ค้า หาผลประโยชน์จากเหยื่อ และหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการคัดแยก เหยื่อ ช่วยเหลือ ฟื้นฟู ฝึกอาชีพ และส่งกลับซึ่งบุคคลเหล่านี้ควรได้รับสิทธิ์ในการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ต่อไปโดยไม่ต้องกลับมาขอทานอีก ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดีต่อสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่อเมืองพัทยาและประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง
นางปวีณา หงสกุล รักษาการ รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และประธาน“มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี”(องค์กรสาธรณประโยชน์) ได้รับการประสานจากนายศุภชัย ลิ้มพิพัฒน์โสภณ เจ้าหน้าที่ธุรการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 2 (ภาคตะวันออก)หรือดีเอสไอ ว่ามีขบวนการนำเด็กมาเร่ขายของและขอทานในเมืองพัทยาเป็นจำนวนมาก จึงเดินทางลงพื้นที่และพร้อมด้วย พ.ต.อ.เชาว์วัย ศาลกมล พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ บก.สตม. นายประวิทย์ ไชยบัวแดง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการกรมสอบสวนคดีพิเศษภาค 2 พ.ต.ท.คมวิชฐ์ พัฒนรัฐ ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปราม ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ พัฒนาสังคมจังหวัดชลบุรี นำกำลังตำรวจ สภ.หนองปรือ สภ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง บุกตรวจค้นเป้าหมายรวม 3 จุด
โดยจุดแรกตรวจค้นบ้านเลขที่ 245/70 หมู่บ้านพาราไดซ์ฮิลล์ 2 ซอยบุญสัมพันธ์ (เขาน้อย) หมู่ 13 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นบ้านหรู 2 ชั้น ภายในบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างแบ่งเป็นห้องให้เช่า พบผู้เช่าอาศัยชาวไทยรวม 6 คน และนางเกีย อายุ 42 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งไม่มีเอกสารพาสปอร์ตมาแสดง โดยมีนายสุทธิ สบายแท้ อายุ 40 ปี รับเป็นผู้ดูแลบ้าน จากการตรวจสอบตามห้องต่างๆ ในบ้านพบมีเสื้อผ้าเด็กเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้ ส่วนจุดที่ 2 ตรวจค้นห้องแถวให้เช่าชั้นเดียว เลขที่ 107 ในซอยเดียวกัน พบนางเอ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) อายุ 45 ปี อยู่ในห้องกับลูกสาววัย 7 ขวบ จึงเชิญตัวไปให้ปากคำที่ดีเอสไอ
จุดที่ 3 เดินทางไปที่ห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ ซึ่งปลูกเรียงรายกันรวม 10 ห้อง ภายในซอยหนองเกตุใหญ่ 6 หมู่ 1 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง พบว่าห้องเป้าหมายจำนวน 2 ห้อง ไม่มีคนอยู่ แต่เมื่อตรวจค้นพบเสื้อผ้าและของเล่นเด็กเป็นจำนวนมาก สอบถาม น.ส.ขวัญเรือน ศรีอร่าม อายุ 33 ปี ชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบว่า ทั้ง 2 ห้องมีผู้ใหญ่และเด็กๆทั้งชาย-หญิง เช่าอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 20 กว่าคน บางวันจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าคล้ายถูกทำร้าย โดยขณะนี้ทั้งหมดพากันเดินทางไปงานศพที่วัดสว่างฟ้าพฤฒาราม ย่านนาเกลือ
ต่อมาคณะได้เดินทางไปที่วัดดังกล่าว พบเด็กชายและเด็กหญิง อายุระหว่าง 1-15 ปี รวม 23 คน กำลังวิ่งเล่นอยู่หน้าศาลาอย่างสนุกสนาน จากการสังเกตพบว่าเกือบทุกคนจะย้อมสีผมให้เป็นสีแดงคล้ายๆ กันหมด นอกจากนี้ภายในศาลายังพบชายและหญิงชาวไทยที่อ้างเป็นผู้ปกครองของเด็กนั่งอยู่ประมาณ 6 คน หนึ่งในนั้นมีนายสมชาย หงษ์ชฎา อายุ 43 ปี ที่ตามข้อมูลระบุว่าเป็นคนคอยขับรถ จยย.พ่วงข้างพาเด็กๆ ไปนั่งขอทานในย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้เพื่อสอบปากคำและทำการคัดแยก พร้อมกับตรวจสอบว่าเด็กเป็นลูกของตัวเองจริงหรือไม่ เพราะสามี-ภรรยาบางคู่มีลูกอายุไล่เลี่ยกันมากถึง 4-5 คน
นางปวีณา หงสกุล เปิดเผยว่า หลังได้รับการประสานงานจาก ดีเอสไอ.ภาค 2 จึงส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนหาข้อมูล และใช้เวลาในการติดตามพฤติกรรมของขบวนการนี้มาระยะหนึ่ง จนพบว่ามีหญิงชาวเขมรคนหนึ่งนำเด็กเล็กๆ ไปส่งตามตลาดนัดและย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลือเด็กหญิงชาวกัมพูชาวัย 5 ขวบไว้ได้จำนวน 2 คน จากการพูดคุยสอบถามทราบว่า มารดาของทั้งคู่เป็นชาวกัมพูชาชื่อนางเกีย หรือเล็ก โดยทุกวันนางเกีย จะพาไปขอทานและเร่ขายของอยู่เป็นประจำ เมื่อได้เงินมานางเกีย ก็จะนำไปซื้อยาบ้าและสุราดื่ม แต่หากวันไหนไม่ได้เงินเด็กๆ ก็จะถูกตีอย่างทารุณ ส่วนแนวทางการสืบสวนยังทราบอีกว่า แก๊งค้ามนุษย์รายนี้ทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งมีทั้งชาวไทยและกัมพูชารวมอยู่ด้วย โดยพฤติกรรมจะทำการจัดหาเด็กและคนพิการ ส่งมาจากประเทศกัมพูชา แล้วแบ่งกันเช่าบ้านอยู่รวม 3 จุดตามที่ทางเจ้าหน้าที่ได้บุกไปตรวจค้นในวันนี้
นางปวีณา เผยอีกว่า จากการเข้าตรวจค้นช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เป็นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ค้า หาผลประโยชน์จากเหยื่อ และหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการคัดแยก เหยื่อ ช่วยเหลือ ฟื้นฟู ฝึกอาชีพ และส่งกลับซึ่งบุคคลเหล่านี้ควรได้รับสิทธิ์ในการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ต่อไปโดยไม่ต้องกลับมาขอทานอีก ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดีต่อสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่อเมืองพัทยาและประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง
ปริญญา/ข่าว/ภาพ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นำทีมเยี่ยมชมกระบวนการและขั้นตอนการขนถ่ายน้ำมันของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) ขณะที่ผลตรวจคราบน้ำมันที่ปนเปื้อนชายหาดเมืองระยอง ไม่ใช่ชนิดเดียวกันที่ซัดเข้าอ่าวพร้าวเมื่อปีที่แล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 เม.ย.ที่ห้องประชุม บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) อ.เมืองระยอง นายทรรศนะ วิชัยธนพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายโอฬาร เฮงเจริญ เจ้าท่าจังหวัดระยอง นายอาทิตย์ ละเอียดดี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเลที่ 1 นายมาโนช โอสถเจริญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยี่ยมชมกระบวนการและขั้นตอนการขนถ่ายน้ำมันของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล โดยมีนายบุญเชิด สุวรรณทิพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยงานคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม และนายอนุทิน ช่วยเพ็ญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและสาธารณูปการ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล ให้การต้อนรับ
นายทรรศนะ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดระยอง ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจติดตามตรวจสอบป้องกัน และแก้ไขปัญหา กรณีก้อนน้ำมันดิบขึ้นชายหาดจังหวัดระยอง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้คณะทำงานชุดนี้ ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบ และติดตามหาต้นตอการปล่อยน้ำมันลงทะเลมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะการออกสุ่มตรวจเรือขนถ่ายน้ำมัน เรือบรรทุกสินค้า และเรือประมงในทะเล เพื่อหาผู้กระทำความผิด มาลงโทษ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบแต่อย่างใด ในส่วนของการมาเยี่ยมชมกระบวนการและขั้นตอนการขนถ่ายน้ำมันของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ในครั้งนี้ ต้องการความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ เช่น การบรรทุก และการขนถ่ายน้ำมัน เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องน้ำมัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ ตลอดจนหามาตรการ และแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาแก่คณะทำงานที่มาเยี่ยมชม ขณะเดียวกันการตรวจคราบน้ำมัน หรือทาร์บอล ที่พบบริเวณชายหาด 3 หาด ได้แก่ หาดแสงจันทร์ หาดหน้าบริเวณโรงแรมแคนตารี่ เบย์ และหาดแหลมเจริญ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบลายนิ้วมือระหว่างทาร์บอล ที่พบทั้ง 3 แห่ง และน้ำมันดิบโอมานของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ที่ซัดเข้าอ่าวพร้าวเมื่อปีที่แล้ว มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งจากการวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ สามารถสรุปได้ว่า ก้อนทาร์บอลที่พบบริเวณหาดแสงจันทร์ หน้าโรงแรมแคนทารี่เบย์ และหาดแหลมเจริญ อ.เมืองระยอง ไม่ได้มาจากน้ำมันดิบโอมาน
นายทรรศนะ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดระยอง ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจติดตามตรวจสอบป้องกัน และแก้ไขปัญหา กรณีก้อนน้ำมันดิบขึ้นชายหาดจังหวัดระยอง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้คณะทำงานชุดนี้ ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบ และติดตามหาต้นตอการปล่อยน้ำมันลงทะเลมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะการออกสุ่มตรวจเรือขนถ่ายน้ำมัน เรือบรรทุกสินค้า และเรือประมงในทะเล เพื่อหาผู้กระทำความผิด มาลงโทษ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบแต่อย่างใด ในส่วนของการมาเยี่ยมชมกระบวนการและขั้นตอนการขนถ่ายน้ำมันของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ในครั้งนี้ ต้องการความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ เช่น การบรรทุก และการขนถ่ายน้ำมัน เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องน้ำมัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ ตลอดจนหามาตรการ และแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาแก่คณะทำงานที่มาเยี่ยมชม ขณะเดียวกันการตรวจคราบน้ำมัน หรือทาร์บอล ที่พบบริเวณชายหาด 3 หาด ได้แก่ หาดแสงจันทร์ หาดหน้าบริเวณโรงแรมแคนตารี่ เบย์ และหาดแหลมเจริญ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบลายนิ้วมือระหว่างทาร์บอล ที่พบทั้ง 3 แห่ง และน้ำมันดิบโอมานของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ที่ซัดเข้าอ่าวพร้าวเมื่อปีที่แล้ว มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งจากการวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ สามารถสรุปได้ว่า ก้อนทาร์บอลที่พบบริเวณหาดแสงจันทร์ หน้าโรงแรมแคนทารี่เบย์ และหาดแหลมเจริญ อ.เมืองระยอง ไม่ได้มาจากน้ำมันดิบโอมาน
วฐิต/ข่าว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)