วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

สำนักงานพัฒนาภาค1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา มอบโครงการระบบประปาหมู่บ้านให้กับราษฎร ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด

พลตรีธีร์ธวัช พลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เดินทางมาตรวจเยี่ยม และมอบโครงการระบบประปาหมู่บ้านให้กับราษฎร ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา โดยมีพันเอก นพดล ปิ่นทอง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาให้การต้อนรับ

อย่างไรก็ตามนอกจาการส่งมอบโครงการนี้ ยังมีโครงการอื่น ๆ ที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 ดำเนินการ เช่น โครงการจัดหาน้ำกินน้ำใช้ โครงการพัฒนาช่วยเหลือประชาชน โครงการเกษตรผสมผสาน และจัดกิจกรรมชุดพัฒนาเคลื่อนที่มาดำเนินการแจกจ่ายยารักษาโรค ตัดผม ตลอดจนซ่อมจักรยานให้แก่เด็กนักเรียนในตำบลด่านชุมพล และมอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ สำหรับตำบลด่านชุมพล มี 6 หมู่บ้านประกอบด้วยหมู่บ้าน หมู่1 บ้านด่านชุมพล , หมู่2 บ้านเขาขาด , หมู่3 บ้านคลองแสง , หมู่ 4 บ้านทางกลาง , หมู่ 5 บ้านทับมะกอก , หมู่ 6 บ้านปะเดา จำนวนประชากร 1760 คน

สปต.กรมประชาสัมพันธ์ นำสื่อ VOV ของเวียดนาม ดูสถานการณ์การค้าชายแดนด้าน จ.ตราด ตามโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อ เตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ส่วนส่งเสริมงานประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ (สปต.) กรมประชาสัมพันธ์ นำผู้สื่อข่าว วิทยุ โทรทัสน์ และสื่อออนไลน์ ของสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) เดินทางลงพื้นที่ บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อผลิตข่าวสถานการณ์การค้าชายแดนด้านำไทย – กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด ตามโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อ (Media Practitioners Exchange) ซึ่งสำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ (สปต.) กรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินโครงการร่วมกับ VOV

นางประไพศรี เก็ตสะวา นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กล่าวว่า โครงการนี้ มุ่งแลกเปลี่ยนประสบการณ์และขยายเครือข่ายระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อของทั้งสองประเทศ โดยผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อมวลชนของเวียดนามที่เข้าร่วมโครงการจะได้ร่วมผลิตรายการข่าวประเภทรายงานพิเศษ ทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต เพื่อเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) โดยการลงพื้นที่บ้านหาดเล็ก ในครั้งนี้สื่อมวลชนของ VOV ได้ศึกษาการขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างไทย – กัมพูชา - เวียดนาม ที่ท่าเทียบเรือ ส.กฤตรวัณ และการขนส่งสินค้าทางถนนแนวเส้นทางสายเลียบชายฝั่งทะเล ( R 10 ) ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดตราด– เกาะกง – สะแรอัมเบิล – กัมปอต – ฮาเตียง – คาเมา – น้ำคาน ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก โดยมีนายสมชาย กิมสร้อย รองนายกเทศมนตรีตำบลหาดเล็ก รวมทั้งผู้ประกอบการท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าร่วมให้ข้อมูล

ทั้งนี้มูลค่าการค้าชายแดนด้านจังหวัดตราดมีมูลค่าการค้ารวมในแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่เนื่องอย่างในปีงบประมาณที่ผ่านมา (ปี พ.ศ. 2556) มูลค่าการค้าการค้ารวมถึง 26,720.38 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2555 ที่มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 24,000 ล้านบาท สำหรับการขนส่งสินค้าเพื่อส่งออกด้านจังหวัดตราด กว่าร้อยละ 80 เป็นการขนส่งผ่านท่าเรือเอกชนแต่คาดว่าในอนาคตอันใกล้การขนส่งสินค้าทางรถยนต์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นจากปัจจัยการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางถนน

บรรยากาศร้านจำหน่ายชุดนักเรียนในตลาดสดเทศบาลเมืองตราดเริ่มคึกคัก ปชช.ต่างพาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียน

(28 เม.ย. 57) บริเวณร้านจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียน ในตลาดสดเทศบาลเมืองตราด เริ่มมีความคึกคัก ประชาชน พาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียนก่อนที่จะเปิดเรียน ในภาคการศึกษาที่ 1 /2557 ในช่วงกลางเดือนะพฤษภาคม นี้ โดยพบว่าส่วนใหญ่จะซื้อเครื่องแบบนักเรียนให้กับบุตรหลานเฉลี่ยคนละ 2 – 3 ชุด

นางลักขณา บุญรอด ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียนในตลาดสดเทศบาลเมืองตราด เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ประชาชนเริ่มพาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียน เนื่องจากใกล้เปิดภาคเรียนใหม่ ซึ่งคาดว่า ก่อนช่วงเปิดภาคเรียนจะมีลูกค้าที่เป็นเกษตรกรชาวสวนผลไม้จำนวนมากมาเลือกซื้อชุดนักเรียนให้บุตรหลาน เนื่องจากผลไม้กำลังออกสู่ตลาด ทำให้ผู้ปกครองกลุ่มดังกล่าวที่ขายผลผลิตได้ จะมาเลือกซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรหลานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาจำหน่ายชุดนักเรียนในปีนี้ มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยชุดนักเรียนเด็กเล็ก จำหน่ายในราคาชุดละ 300 บาทขึ้นไป ส่วนเด็กโต จำหน่ายในราคาชุดละ 400 บาทขึ้นไป โดยทางร้านจะบริการปักชื่อให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

จังหวัดตราด เปิดเวที อปพร.สัญจร มุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำงานให้กับสมาชิก อปพร.

(28 เม.ย. 57) นายพยัคฆพันธุ์ โพธิ์แก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดการประชุมประชาคม อปพร. สัญจร จังหวัดตราด ประจำปีงบประมาณ 2557 ซึ่งจังหวัดตราดโดยศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) จังหวัดตราดจัดขึ้น มีคณะกรรมการประสานงานศูนย์ อปพร.อำเภอทุกพื้นที่ในจังหวัดตราดเข้าร่วมกว่า 190 คน ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด โดยก่อนการเปิดประชุม อปพร.สัญจร ได้มีพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภาณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 7 เหริยญเงินดิเรกคุณาภรณ์ ให้กับนายคตกฤช จัญญากร อปพร.จาก อบต.เกาะช้างใต้ พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ อปพร.ดีเด่นให้กับนายสุรัตน์ พูลเกษม อปพร. จาก อบต.หนองโสน

นายฐิตนันท์ อุดมสุข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด กล่าวว่า การจัดประชาคม อปพร. สัญจรครั้งนี้ ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะ ศูนย์ อปพร.กลางได้กำหนดให้ศูนย์ อปพร.จังหวัดจัดขึ้นตามพื้นที่ต่าง ๆ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้คณะกรรมการประจำศูนย์ อปพร.ในระดับจังหวัดและอำเภอได้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนสู่การมีระบบอาสาสมัครอย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพในการช่วยงานป้องกันและบรรเทาสธารณภัยทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน พร้อมกันนี้ยังเป็นการทั้งร่วมกันกำหนดโยบายและแนวทางในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของศูนย์ อปพร.ทุกพื้นที่ อย่างไรก็ตามจัดเวทีครั้งนี้ยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องนโยบาย กฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจการ อปพร. อีกด้วย

หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันจังหวัดตราดมีสมาชิก อปพร.กระจายในพื้นที่ต่าง ๆ รวม 5,894 คน คิดเป็นร้อยละ 2.68 ของจำนวนประชากรทั้งจังหวัด ซึ่งสูงกว่าจำนวนสมาชิก อปพร.ที่ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำหนดให้ทุกจังหวัดมีสมาชิก อปพร.ร้อยละ 2 ต่อจำนวนประชากรทั้งหมด ท้งนี้เพื่อให้งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีความครอบคลุมในทุกพื้นที่

ปภ.ตราด แจ้งเตือนประชาชนระวังปัญหาจากพายุฤดูร้อนในระยะ 3 – 4 วันนี้

(28 เม.ย. 57) นายฐิตนันท์ อุดมสุข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อน จากอิทธิพลของความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงที่แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน ลักษณะดังกล่าวอาจก่อให้เกิดพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะอากาศเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ อาจอาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในระยะ 3 – 4 วันนี้ ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงขอความร่วมมือให้ทุกอำเภอ ตลอดจนองค์การปกครองส่วนท่องถิ่นทุกแห่งเร่งประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน และสื่อมวลชนท้องถิ่นให้ประชาชนเตรียมพร้อมในการรับมือ โดยดูแลบ้านเรือนให้มีความแข็งแรงตัดแต่งกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ตัวบ้าน รวมทั้งงดใช้โทรศัพท์มือถือในที่โล่งแจ้งในส่วนของหน่วยงานภาครัฐ ขอให้ตรวจสอบป้ายโฆษณาหรือสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงหากพบว่าอาจไม่ปลอดภัยกับประชาชนทั้งนี้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุด่วนได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด หมายเลขโทรศัพท์ 0-3952-5730 ตลอด 24 ชั่วโมง

เจ้าท่าภูมิภาคสาขาตราด เตือนชาวเรือระวังอิทธิพลคลื่นลมแรง จากพายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะนี้

(28 เม.ย. 57) นายบุญเรียง รัตนบัณฑิตกุลผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด เปิดเผยว่า ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามตรวจสอบสภาวะอากาศจากรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุฤดูร้อน ในช่วงนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2557 จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนกลางแล้ว ลักษณะดังกล่าวอาจก่อให้เกิดพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ และทะเลอาจมีคลื่นลมแรงในระยะนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด จึงขอแจ้งเตือนชาวเรือ และผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือเป็นพิเศษ และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศโดยใกล้ชิด นอกจากนี้ก่อนนำเรือออกจากท่าควรตรวจความพร้อมของตัวเรือ เครื่องยนต์ ไฟเดินเรือ แตรสัญญาณ เครื่องมือสื่อสาร และอุปกรณ์ชูชีพ ให้มีความพร้อมก่อนออกใช้งาน

สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กปส. นำสื่อเวียดนามแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผลิตข่าวการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด

(28 เม.ย. 57) ส่วนส่งเสริมงานประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ (สปต.) กรมประชาสัมพันธ์ นำผู้สื่อข่าว วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ ของสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) เดินทางลงพื้นที่ บ้านน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด เพื่อผลิตข่าวการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนของบ้านน้ำเชี่ยว ชุมชนสองศาสนา สามวัฒนธรรม พร้อมทั้งลงพื้นที่อำเภอเกาะช้างในการผลิตงานข่าวด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของพื้นที่อำเภอเกาะช้าง ตามโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อ (Media Practitioners Exchange)

สำหรับโครงการนี้เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และขยายเครือข่ายระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อของทั้งสองประเทศ โดยผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อมวลชนของเวียดนาม ที่เข้าร่วมโครงการจะได้ร่วมผลิตรายการข่าวประเภทรายงานพิเศษ ทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต เพื่อเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสถานีเสียงเวียดนาม (VOV) สำหรับการนำลงพื้นที่บ้านน้ำเชี่ยวเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชน ที่เกิดจากความเข้มแข็งของชุมชน จนหมู่บ้านน้ำเชี่ยวแห่งนี้ นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแล้วยังเป็นแหล่งเรียนรู้ ในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวชุมชนที่มีรางวัลกินรี ด้านชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยว จาก ททท. เนื่องจากมีศักยภาพของการบริหารจัดการของคนในชุมชนเอง ที่มีการแบ่งหน้าที่ในด้านต่าง ๆ ที่ประกอบด้วย กลุ่มที่พักโฮมเสตย์ กลุ่มสาธิตการผลิตสินค้าที่ระลึก กลุ่มทำอาหาร กลุ่มเรือเล็กที่นำนักท่องเที่ยวชมธรรมชาติ กลุ่มมัคคุเทศน์น้อย ซึ่งเป็นกลไกลที่สำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จนทำให้ปัจจุบันชุมชนแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในระดับประเทศ

อย่างไรก็ตามนอกจากการนำสื่อมวลชนจากเวียดนามลงพื้นที่บ้านน้ำเชี่ยวแล้ว ยังได้นำชมและร่วมผลิตรายการข่าวในเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือนหมู่เกาะช้างของจังหวัดตราด ซึ่งมีส่วนในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในภาพรวมให้กับจังหวัดตราดกว่า 11,000 ล้านบาทต่อปี มีนักท่องเที่ยวเข้ามายือนในแต่ละปีกว่า 1.6 ล้านคน

จันทบุรีแข่งขันตกปลาชะโดป้องกันแก้ปัญหาสัตว์น้ำอื่นสูญพันธุ์

จังหวัดจันทบุรีจัดแข่งขันตกปลาชะโดในแม่น้ำจันทบุรี ป้องกันแก้ปัญหาปลาอื่นสูญพันธุ์หลังพบปลาชะโดมีปริมาณมากกระทบพันธุ์สัตว์น้ำชนิดอื่นเร่งสร้างสมดุลธรรมชาติ

ตามที่มีชาวบ้านและชาวประมงพื้นบ้านในแม่น้ำจันทบุรีได้ร้องเรียนจังหวัดให้หาแนวทางแก้ปัญหาการแพร่พันธุ์ของปลาชะโดในแม่น้ำจันทบุรีที่มีผลกระทบต่อจำนวนสัตว์น้ำอื่น ๆ ทำให้ลดลงและมีแนวโน้มอาจจะสูญพันธุ์ นายเกรียงเดช เข็มทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี จึงได้มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรีหาแนวทางการแก้ปัญหา และได้จัดโครงการ เทศกาลแข่งขันตกปลาชะโดล่าเพชฌฆาตลุ่มน้ำจันทบุรีครั้งที่ 1 ขึ้น มีประชาชนชาวบ้านร่วมแข่งขันรวมทั้งสิ้น 304 รายโดยกติกาให้ใช้เบ็ดเป็นอุปกรณ์การแข่งขันเพียงอย่างเดียวมีพื้นที่การตกปลาตลอดแม่น้ำจันทบุรีและมีจุดชั่งน้ำหนักปลา 3 จุดคือที่สะพานกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ ฝายท่าระม้า อำเภอมะขาม และบ้านขอมหมู่ 8 ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง โดยการตกปลาชะโดครั้งนี้มีพรานเบ็ดสามารถล่าปลาชะโดในแม่น้ำจันทบุรีขึ้นมาได้ 22 ตัว รวมน้ำหนัก 71.8 กิโลกรัม และในพิธีมอบรางวัลมีนายพจน์ รักความสุข ปลัดจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานมอบรางวัลโดยผู้ชนะเลิศประเภทน้ำหนักปลามากที่สุดได้แก่นายอนุสรณ์ ปราบไพลิน ชาวบ้านหมู่ที่ 6 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี สามารถตกปลาชะโดน้ำหนัก 8 กิโลกรัม ส่วนประเภทน้ำหนักรวมชนะเลิศได้แก่นายนิพนธ์ สิงห์ท่าเมือง ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลท่าหลวง อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรีตกปลาชะโดได้ 4 ตัวรวมน้ำหนัก 13.8 กิโลกรัม 

โอกาสเดียวกันนี้สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรีได้จัดให้มีพิธีปล่อยพันธุ์ปลาเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในแม่น้ำจันทบุรีพร้อมทั้งจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ด้านชีววิทยาปลาชะโด และการใช้ประโยชน์จากปลาชะโด การจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำและพันธ์ปลาท้องถิ่นที่พบได้ในแม่น้ำจันทบุรี นิทรรศการจันทบุรีเมืองเกษตรสีเขียว รวมทั้งการสาธิตปรุงอาหารจากเนื้อปลาชะโดของกลุ่มแม่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดจันทบุรีที่มาร่วมกิจกรรม 



จรัล/ภาพ/ข่าว

จันทบุรีเตรียมจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก 2557

จังหวัดจันทบุรีเชิญชวนประชาชนร่วมแต่งกายชุดขาว เข้าวัดทำบุญถือศีลปฏิบัติธรรมละเว้นอบายมุข 11 – 17 พฤษภาคม 2557 เนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557

วันนี้ ( 28 เม.ย.57 ) ที่ ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรีพระราชจันทโมลี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรีเจ้าอาวาสวัดบูรพาพิทยาราม พร้อมด้วยนายสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานในการประชุมเตรียมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2556 มีคณะสงฆ์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยจังหวัดจันทบุรีกำหนดวันที่ 11 – 17 พฤษภาคม 2557 เป็นสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เทศกาลวันวิสาข บูชาโลก ประจำปี 2557 เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมของส่วนกลางและทั่วประเทศ โดยจังหวัดจันทบุรีเน้นการประชาสัมพันธ์รณรงค์แต่งชุดขาวหรือชุดปฏิบัติธรรมสีขาวตลอดสัปดาห์ พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชน พุทธศาสนิกชนเข้าวัดถือศีล ฟังธรรม  ลด ละ เลิก อบายมุข พร้อมทั้งร่วมประดับธงสัญลักษณ์พระพุทธศาสนาและธงชาติตามอาคารบ้านเรือน ร้านค้า สถานที่ราชการ ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีจะพิธีทำบุญตักบาตร พิธีเวียนเทียน บำเพ็ญเนกขัมมะบารมี ณ วัดบูรพาพิทยาราม อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี 

จังหวัดจันทบุรีจึงขอเชิญชวนประชาชน ร่วมแต่งกายชุดขาว ถือศีล ปฏิบัติธรรม ละเว้นอบายมุขในช่วงสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก 11 – 17 พฤษภาคม 2557 โดยพร้อมเพียงกัน



  จรัล/ภาพ/ข่าว ( 28 เม.ย.57 )   
 ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจข่าว 

โครงการอบรมผู้ฝึกสอนกีฬาบอชชี่ ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2557 เวลา 9.30 น. ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12 นายอุดมศักดิ์ เจริญวุฒิ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีเป็นประธานเปิดโครงการอบรมผู้ฝึกสอนกีฬาบอชชี่  โดยมีนางพิศเรณู รัตนวิจารณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12 กล่าวรายงานและให้การต้อนรับคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ซึ่งโครงการที่อบรมในวันนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ฝึกสอนมีความรู้เรื่องกฎ และกติกากีฬาบอชชี่และนำความรู้ที่ได้ไปฝึกสอนแก่เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และมีคุณค่า เพราะกีฬาเป็นสื่อในการพัฒนาสมองเด็กพิเศษ ช่วยในการเสริมสร้างทักษะให้เด็กพิเศษ ได้เรียนรู้วิธีการเล่นกีฬาตามศักยภาพของตนจนสามารถพัฒนาความสามารถของเด็กพิเศษทางสมองและปัญญาให้ใกล้เคียงกับการเล่นของคนปกติได้

นายอุดมศักดิ์ เจริญวุฒิ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ให้ความสำคัญเกี่ยวกับกีฬาทุกประเภท เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาได้อย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งกีฬาบอชชี่ที่เป็นกีฬาใหม่สำหรับเด็กพิเศษ ยังไม่แพร่หลายกันมากในโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่ช่วยพัฒนาสมองและปัญญาได้เป็นอย่างดี สำหรับการอบรมในครั้งนี้ มีผู้ร่วมอบรม จำนวน 100 คน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นเงิน 107,200 บาท




ปริญญา/ข่าว/ภาพ

ปวีณา นำกำลังทลายแก๊งค้ามนุษย์รายใหญ่

ปวีณา นำกำลังทลายแก๊งค้ามนุษย์รายใหญ่ พบมีการนำเด็กและคนพิการมาขอทานกับเร่ขายของตามย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา

นางปวีณา หงสกุล รักษาการ รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และประธาน“มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี”(องค์กรสาธรณประโยชน์) ได้รับการประสานจากนายศุภชัย ลิ้มพิพัฒน์โสภณ เจ้าหน้าที่ธุรการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 2 (ภาคตะวันออก)หรือดีเอสไอ ว่ามีขบวนการนำเด็กมาเร่ขายของและขอทานในเมืองพัทยาเป็นจำนวนมาก จึงเดินทางลงพื้นที่และพร้อมด้วย พ.ต.อ.เชาว์วัย ศาลกมล พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ บก.สตม. นายประวิทย์ ไชยบัวแดง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการกรมสอบสวนคดีพิเศษภาค 2 พ.ต.ท.คมวิชฐ์ พัฒนรัฐ ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปราม ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ พัฒนาสังคมจังหวัดชลบุรี นำกำลังตำรวจ สภ.หนองปรือ สภ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง บุกตรวจค้นเป้าหมายรวม 3 จุด

โดยจุดแรกตรวจค้นบ้านเลขที่ 245/70 หมู่บ้านพาราไดซ์ฮิลล์ 2 ซอยบุญสัมพันธ์ (เขาน้อย) หมู่ 13 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นบ้านหรู 2 ชั้น ภายในบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างแบ่งเป็นห้องให้เช่า พบผู้เช่าอาศัยชาวไทยรวม 6 คน และนางเกีย อายุ 42 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งไม่มีเอกสารพาสปอร์ตมาแสดง โดยมีนายสุทธิ สบายแท้ อายุ 40 ปี รับเป็นผู้ดูแลบ้าน จากการตรวจสอบตามห้องต่างๆ ในบ้านพบมีเสื้อผ้าเด็กเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้ ส่วนจุดที่ 2 ตรวจค้นห้องแถวให้เช่าชั้นเดียว เลขที่ 107 ในซอยเดียวกัน พบนางเอ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) อายุ 45 ปี อยู่ในห้องกับลูกสาววัย 7 ขวบ จึงเชิญตัวไปให้ปากคำที่ดีเอสไอ

จุดที่ 3 เดินทางไปที่ห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ ซึ่งปลูกเรียงรายกันรวม 10 ห้อง ภายในซอยหนองเกตุใหญ่ 6 หมู่ 1 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง พบว่าห้องเป้าหมายจำนวน 2 ห้อง ไม่มีคนอยู่ แต่เมื่อตรวจค้นพบเสื้อผ้าและของเล่นเด็กเป็นจำนวนมาก สอบถาม น.ส.ขวัญเรือน ศรีอร่าม อายุ 33 ปี ชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบว่า ทั้ง 2 ห้องมีผู้ใหญ่และเด็กๆทั้งชาย-หญิง เช่าอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 20 กว่าคน บางวันจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าคล้ายถูกทำร้าย โดยขณะนี้ทั้งหมดพากันเดินทางไปงานศพที่วัดสว่างฟ้าพฤฒาราม ย่านนาเกลือ

ต่อมาคณะได้เดินทางไปที่วัดดังกล่าว พบเด็กชายและเด็กหญิง อายุระหว่าง 1-15 ปี รวม 23 คน กำลังวิ่งเล่นอยู่หน้าศาลาอย่างสนุกสนาน จากการสังเกตพบว่าเกือบทุกคนจะย้อมสีผมให้เป็นสีแดงคล้ายๆ กันหมด นอกจากนี้ภายในศาลายังพบชายและหญิงชาวไทยที่อ้างเป็นผู้ปกครองของเด็กนั่งอยู่ประมาณ 6 คน หนึ่งในนั้นมีนายสมชาย หงษ์ชฎา อายุ 43 ปี ที่ตามข้อมูลระบุว่าเป็นคนคอยขับรถ จยย.พ่วงข้างพาเด็กๆ ไปนั่งขอทานในย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้เพื่อสอบปากคำและทำการคัดแยก พร้อมกับตรวจสอบว่าเด็กเป็นลูกของตัวเองจริงหรือไม่ เพราะสามี-ภรรยาบางคู่มีลูกอายุไล่เลี่ยกันมากถึง 4-5 คน

นางปวีณา หงสกุล เปิดเผยว่า หลังได้รับการประสานงานจาก ดีเอสไอ.ภาค 2 จึงส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนหาข้อมูล และใช้เวลาในการติดตามพฤติกรรมของขบวนการนี้มาระยะหนึ่ง จนพบว่ามีหญิงชาวเขมรคนหนึ่งนำเด็กเล็กๆ ไปส่งตามตลาดนัดและย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลือเด็กหญิงชาวกัมพูชาวัย 5 ขวบไว้ได้จำนวน 2 คน จากการพูดคุยสอบถามทราบว่า มารดาของทั้งคู่เป็นชาวกัมพูชาชื่อนางเกีย หรือเล็ก โดยทุกวันนางเกีย จะพาไปขอทานและเร่ขายของอยู่เป็นประจำ เมื่อได้เงินมานางเกีย ก็จะนำไปซื้อยาบ้าและสุราดื่ม แต่หากวันไหนไม่ได้เงินเด็กๆ ก็จะถูกตีอย่างทารุณ ส่วนแนวทางการสืบสวนยังทราบอีกว่า แก๊งค้ามนุษย์รายนี้ทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งมีทั้งชาวไทยและกัมพูชารวมอยู่ด้วย โดยพฤติกรรมจะทำการจัดหาเด็กและคนพิการ ส่งมาจากประเทศกัมพูชา แล้วแบ่งกันเช่าบ้านอยู่รวม 3 จุดตามที่ทางเจ้าหน้าที่ได้บุกไปตรวจค้นในวันนี้

นางปวีณา เผยอีกว่า จากการเข้าตรวจค้นช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เป็นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ค้า หาผลประโยชน์จากเหยื่อ และหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการคัดแยก เหยื่อ ช่วยเหลือ ฟื้นฟู ฝึกอาชีพ และส่งกลับซึ่งบุคคลเหล่านี้ควรได้รับสิทธิ์ในการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ต่อไปโดยไม่ต้องกลับมาขอทานอีก ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดีต่อสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่อเมืองพัทยาและประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง




ปริญญา/ข่าว/ภาพ

รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นำทีมเยี่ยมชมกระบวนการและขั้นตอนการขนถ่ายน้ำมันของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) ขณะที่ผลตรวจคราบน้ำมันที่ปนเปื้อนชายหาดเมืองระยอง ไม่ใช่ชนิดเดียวกันที่ซัดเข้าอ่าวพร้าวเมื่อปีที่แล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 เม.ย.ที่ห้องประชุม บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) อ.เมืองระยอง นายทรรศนะ วิชัยธนพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายโอฬาร เฮงเจริญ เจ้าท่าจังหวัดระยอง นายอาทิตย์ ละเอียดดี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเลที่ 1 นายมาโนช โอสถเจริญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยี่ยมชมกระบวนการและขั้นตอนการขนถ่ายน้ำมันของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล โดยมีนายบุญเชิด สุวรรณทิพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยงานคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม และนายอนุทิน ช่วยเพ็ญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและสาธารณูปการ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล ให้การต้อนรับ

นายทรรศนะ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดระยอง ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจติดตามตรวจสอบป้องกัน และแก้ไขปัญหา กรณีก้อนน้ำมันดิบขึ้นชายหาดจังหวัดระยอง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้คณะทำงานชุดนี้ ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบ และติดตามหาต้นตอการปล่อยน้ำมันลงทะเลมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะการออกสุ่มตรวจเรือขนถ่ายน้ำมัน เรือบรรทุกสินค้า และเรือประมงในทะเล เพื่อหาผู้กระทำความผิด มาลงโทษ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบแต่อย่างใด ในส่วนของการมาเยี่ยมชมกระบวนการและขั้นตอนการขนถ่ายน้ำมันของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ในครั้งนี้ ต้องการความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ เช่น การบรรทุก และการขนถ่ายน้ำมัน เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องน้ำมัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ ตลอดจนหามาตรการ และแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาแก่คณะทำงานที่มาเยี่ยมชม ขณะเดียวกันการตรวจคราบน้ำมัน หรือทาร์บอล ที่พบบริเวณชายหาด 3 หาด ได้แก่ หาดแสงจันทร์ หาดหน้าบริเวณโรงแรมแคนตารี่ เบย์ และหาดแหลมเจริญ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบลายนิ้วมือระหว่างทาร์บอล ที่พบทั้ง 3 แห่ง และน้ำมันดิบโอมานของ บ.พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ที่ซัดเข้าอ่าวพร้าวเมื่อปีที่แล้ว มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งจากการวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ สามารถสรุปได้ว่า ก้อนทาร์บอลที่พบบริเวณหาดแสงจันทร์ หน้าโรงแรมแคนทารี่เบย์ และหาดแหลมเจริญ อ.เมืองระยอง ไม่ได้มาจากน้ำมันดิบโอมาน





วฐิต/ข่าว