วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ระยองเชิญชวนร่วมพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ถวายความจงรักภักดี และถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557

ระยองเชิญชวนร่วมพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ถวายความจงรักภักดี และถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557

นายมาโนช โอสถเจริญ ได้รับแจ้งจากสำนักงานประมงจังหวัดระยองว่า ด้วยในวันที่ 12 สิงหาคม 2557 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา จังหวัดระยองโดยสำนักงานประมงจังหวัดระยอง กำหนดจัดพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ถวายความจงรักภักดี และถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำดอกกราย ตำบลแม่น้าคู้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ในวันที่ 7 สิงหาคม 2557 เวลา 09.00 น

จึงขอเชิญชวนร่วมพิธีดังกล่าวโดยทั่วกัน



สวรส/ข่าว

ระยอง จัดโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน เลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ตกงาน และผู้ประสบความทุกข์ยาก เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ระยอง จัดโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน เลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ตกงาน และผู้ประสบความทุกข์ยาก เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ภาคตะวันออก จ.ระยอง จังหวัดระยอง ได้จัดพิธีโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับจังหวัดระยอง สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ระยอง สำนักงานเหล่ากาชาด จ.ระยอง ชมรมแม่บ้านมหาดไทย จ.ระยอง และชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำ จ.ระยอง โดยมีนางสุพรรณี สามารถกิจ นายกเหล่ากาชาด จ.ระยอง ประธานในพิธีฯ โดยได้จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวัน และมอบสิ่งของ ยาเวชภัณฑ์ แก่ผู้ตกงาน และผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อนในจังหวัดระยอง

สำหรับวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวันผู้ตกงาน และผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อนในจังหวัดระยองครั้งนี้นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ดำเนินงานมาเป็นปีที่ 15 สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ จึงถือโอกาสนี้ ร่วมกับสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัด เหล่ากาชาดจังหวัดทั่วประเทศ รวม 76 จังหวัด จัดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ตกงาน และผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อนและกิจกรรมอื่นๆ ตามความเหมาะสมในช่วงเดือนสิงหาคม 2557 เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ




วฐิต/ข่าว

ระยองเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557

นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า ด้วยจังหวัดระยอง กำหนดจัดกิจกรรรมเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ในวันที่ 12สิงหาคม 2557 ณ บริเวณสวนศรีเมือง และหอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดระยอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถและเป็นการร่วมกิจกรรมที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และร่วมบำเพ็ญคุณงามความดีถวายเป็นพระราชกุศลสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดแก่ประชาชนในชาติ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา ในวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2557 โดยมีกำหนดการดังนี้

ภาคเช้า เวลา 07.00 น. พิธีทำบุญตักบาตรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล(ข้าวสารอาหารแห้ง) จำนวน 83 รูป ณ สนามสวนศรีเมือง -เวลา 09.30 น. พิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคล และลงนามถวายพระพร ณ ศูนย์หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดระยอง การแต่งกาย ข้าราชการ เครื่องแบบปกติขาว หรือ เครื่องแบบปฏิบัติการแขนยาวโดยอนุโลม ประชาชน ชุดไทยพระราชทาน ชุดผ้าไทยเลยหรือชุดสุภาพ ,นักเรียนนักศึกษาและกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ เครื่องแบบตามสังกัด และ

ภาคค่ำ เวลา 17.30 น.เป็นต้นไป พิธีถวายเครื่องราชสักการะ และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลและถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ณ สนามสวนศรีเมือง การแต่งกายชุดสุภาพ จึงขอเชิญข้าราชการและประชาชนทุกหมู่เหล่า ไปร่วมงานเฉลิมพระเกียรติฯ 12 สิงหามหาราชินี ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน



ข่าว/พิมพ์ สวรส รูปแก้ว

ผู้นำท้องถิ่นใน จ.ตราด จัดแข่งขันฟุตบอลในกีฬาสานสัมพันธ์กำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดตราด ใช้กีฬาฟุตบอลสร้างความปรองดองสมานฉันท์

สนามกีฬาในร่มฟุตบอล 7 คน หน้าองค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ ระหว่าง ทีมสตรีส่วนราชการศาลากลางจังหวัด เอฟซี พบกับทีมกำนันผู้ใหญ่บ้านสตรีจังหวัดตราด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาสานสัมพันธ์กำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดตราด ซึ่งทางชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดตราด ดำเนินการจัดขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด สำหรับการแข่งขันฟุตบอลในรายการนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นในจังหวัดตราดได้มีโอกาสออกกำลังกาย รวมทั้งเป็นการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ความรักสามัคคี ให้เกิดขึ้นในกลุ่มผู้นำท้องถิ่นในจังหวัดตราด โดยใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ได้จัดให้มีการจัดแข่งขันฟุตบอลคู่พิเศษ เพื่อเป็นการสร้างความสนุกสนานเสริมสร้างความสามัคคีเสริมสีสันในการแข่งขันกีฬาในรายการนี้

จัดหางานจังหวัดตราด ย้ำเตือนนายจ้างที่มารับบริการศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เตรียมเอกสารมาให้พร้อมแจ้งขยายเวลาการดำเนินการของศูนย์ฯ

(3 ส.ค. 57) นางรัตนาภรณ์ วัชโรทัย จัดหางานจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ตามที่ประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 117/2557 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพิ่มเติม ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เรื่องให้ขยายระยะเวลาการดำเนินงานของศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) จังหวัดตราดออกไปอีกจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558 และให้ใบอนุญาตทำงานที่ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ที่ออกให้แก่แรงงานต่างด้าวใช้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558 เพื่อให้แรงงานต่างด้าวเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสัญชาติเพื่อการออกใบอนุญาตให้ทำงานอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและใบอนุญาตทำงานตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงขอให้นายจ้างที่ยื่นแบบบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวไว้กับสำนักงานจัดหางานจังหวัดตราด และได้รับการแจ้งนัดทางโทรศัพท์ไปดำเนินการตามวันและเวลาที่กำหนด ณ ศูนย์บริการแรงงานแรงงานต่างด้าวแบบเบ้ดเสร็จ (One Stop Service) จังหวัดตราด ภายในศาลากลางจังหวัดตราดชั้น 1 โดยมีเอกสารที่ต้องเตรียม ดังนี้ แบบกรอกข้อมูลทะเบียนประวัติของคนไม่มีสัญชาติไทย 1คน/1 ฉบับ สำเนาแบบบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าว (แบบ 1) ที่แจ้งกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดตราด และหนังสือมอบอำนาจให้ญาติมาดำเนินการ กรณีนายจ้างไม่ได้ไปด้วยตนเอง (พร้อมสำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ) ค่าธรรมเนียมการอนุญาตถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558 บ่างเป็นค่าทำบัตร 80 บาท ค่าตรวจดรค 500 บาท ค่าบัตรประจำตัวสุขภาพ 1,600 บาท และค่าใบอนุญาตทำงาน 900 บาท รวมเป็นเงิน 3,080 บาทต่อคน หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดตราด ศาลากลางจังหวัด ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดตราด โทรศัพท์. 0-3953-0841 , 0-3952-0218 และ 08-8928-2270 ในวันและเวลาราชการ

จังหวัดตราดเตรียมจัดงาน “เกษตรรวมใจบริการประชาชน เทิดไท้องค์ราชินี” ภายใต้โครงการเกษตรสมานฉันท์

(4 ส.ค. 57 ) นายนุวัตร แพงเรือน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด เปิดประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดงาน "เกษตรรวมใจบริการประชาชน เทิดไท้องค์ราชินี” โดยมีส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมตราดสีทอง ศาลากลางจังหวัดตราด

นายนุวัตร แพงเรือน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด จัดงานเกษตรบริการประชาชนภายใต้โครงการเกษตรสมานฉันท์ร่วมกันพัฒนาตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเทิดไท้องค์ราชินี เพื่อบริการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งนี้ที่ประชุมได้กำหนดจะจัดงานขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคม 2557 เวลา 08.30 – 16.00 น. ณ บริเวณศาลาประชาคมจังหวัดตราด สำหรับการจัดงานดังกล่าวมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การออกร้านค้าเกษตรกร การเปิดศูนย์ให้บริการด้านปศุสัตว์ ด้านพืช ด้านประมง และการแสดงดนตรี คาดว่าจะมีเกษตรกรและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานนี้มากกว่า 400 คน

ททท. ดัน จังหวัดจันทบุรีแ ละจังหวัดตราด เป็น 2 ใน 10 “เมืองต้องห้าม...พลาด” ทำตลาดการท่องเที่ยวปี 58

(4 ส.ค. 57 ) นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการกองตลาดภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวระหว่างบรรยายการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2558 ของ ททท. ในเวที "ฝ่าวิกฤตการท่องเที่ยวจังหวัดตราด” ว่า ในปี 2558 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้มีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองทางเลือก โดยการนำเสนอ 10 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจทั่วประเทศ เพื่อกระจายการท่องเที่ยวสู่จังหวัดท่องเที่ยวทางเลือกที่มีเอกลักษณ์ และมีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด "เมืองต้องห้าม...พลาด” ซึ่งจังหวัดตราดเป็น 1 ใน 10 ของเมืองต้องห้าม...พลาด ทั้งนี้ในภาคตะวันออกมีจังหวัดจันทบุรีและตราด เป็น 2 เมืองต้องห้าม...พลาด โดยจังหวัดจันทบุรีมีจุดขายอยู่ที่ สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้ และจังหวัดตราดมีจุดขายอยู่ที่เป็นเมืองเกาะในฝัน อย่างไรก็ตามในภาคตะวันออกนับเป็นอีกภาคหนึ่งที่มีศักยภาพในการรองรับการท่องเที่ยวโดยมีมิติเด่น 4 ด้าน คือ 1. ทะเลตะวันออก 2.เป็นประตูสู่นครวัด นครธมทางถนน 3.มีสถานที่ประชุม สัมนา ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และ 4. มีสนามกอล์ฟที่ได้มาตรฐาน ซึ่งนับเป็นจุดเด่นที่เป็นปัจจัยให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จำนวนไม่น้อยเดินทางเข้ามาพักผ่อนในพื้นที่ภาคตะวันออก

จ.ตราด เปิดเวที“ฝ่าวิกฤตการท่องเที่ยวจังหวัดตราด”เดินหน้าเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลกับการท่องเที่ยวชุมชน

(4 ส.ค. 57) นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวระหว่างการบรรยายพิเศษนโยบายการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด ในเวทีการประชุมวิสามัญ ครั้งที่ 1 / 2557 ของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราด "ฝ่าวิกฤตการท่องเที่ยวจังหวัดตราด” ว่า จังหวัดตราดนับเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการองรับการท่องเที่ยว เห็นได้จากตัวเลขแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาเยือนนับล้านคน ทั้งนี้จังหวัดตราดมีความโชคดีที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายไว้รองรับนักท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติทางทะเล เกาะต่าง ๆ รวมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีศักยภาพในการองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เช่น ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ชุมชนบ้านสลักคอก ชุมชนห้วยแร้ง ชุมชนบ้านช้างทูน เป็นต้น อย่างไรก็ตามการที่มีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีศักยภาพนำมาเป็นจุดขาย แต่ในเรื่องของการบริหารจัดการการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างแหล่งท่องเที่ยวหลักกับแหล่งท่องเที่ยวชุมชนจะต้องอาศัยความร่วมมือผู้ประกอบการด้านธุรกิจการท่องเที่ยวที่ประกอบธุรกิจในเชิงพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราด และมีประสบการด้านการตลาดมากกว่ากลุ่มท่องเที่ยวในชุมชน หาการท่องเที่ยวทั้งสองเกิดการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างกัน จะเป็นการสร้างจุดแข็งให้กับการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายขึ้น เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด

จังหวัดตราด เปิดศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตราด ให้บริการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ นำสู่การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน

(4 ส.ค. 57) นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตราด ซึ่งทางจังหวัดได้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาศูนย์ดำรงธรรมที่มีอยู่เดิม โดยจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้นที่สำนักงานจังหวัดตราด ชั้น 3 อาคารศาลากลางจังหวัดตราด ในการทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ความเดือดร้อนจากประชาชน นำสู่การแก้ไขโดยใช้กลไกลภาครัฐ

ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกประกาศฉบับที่ 96 / 2557 เรื่องการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานระดับจังหวัด สามรถให้บริการประชาชนได้อย่างเสมอภาค มีคุณภาพ รวดเร็ว ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตามแม้ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 แล้ว ทางจังหวัดได้ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินของศูนย์ในครั้งนี้ โดยเฉพาะการตั้งหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้บริการประชาชนร่วมเป็นคณะกรรมการศูนย์ ในการปฏิบัติงานของศูนย์ฯมี อัยการจังหวัด อัยการจังหวัดคดีเยาวชนและครอบครัว และอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายและการบังคับคดี เป็นกรรมการที่ปรึกษา โดยมีส่วนงานหลักประกอบด้วย ส่วนงานรับเรื่องร้องเรียน ส่วนงานบริการข้อมูลข่าวสาร ส่วนงานบริการประชาชน รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ซึ่งได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการประชาชน ซึ่งได้มีการเปิดรับเรื่องร้องเรียนโดยตรงที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ผ่านทางโทรศัพท์ ทางสื่ออนไลน์อย่างเฟสบุ๊ค เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม รวดเร็ว เป็นธรรม

เหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรีมอบบ้านแก่ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส บรรเทาความเดือดร้อน

สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับนักธุรกิจกลุ่มทุนมังกรสร้างบ้านให้แก่ผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส มอบช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ยากไร้ในพื้นที่อำเภอแหลมสิงห์

วันนี้ ( 5 ส.ค.57 ) พระศรีศาสนโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี เจ้าอาวาสวัดโค้งสนามเป้า พร้อมด้วยนายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นางรัชนี ลอยฟ้า นายกเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี นายเฉลิมพล ศักดิ์คำ ตัวแทนนักธุรกิจชาวจันท์กลุ่มทุนมังกร ได้นำสมาชิกคณะกรรมการเหล่ากาชาดและนักธุรกิจกลุ่มทุนมังกรร่วมกันมอบบ้านโครงการบ้านกาชาดเฉลิมพระเกียรติ ประจำปี 2557 ให้แก่ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสและยากจนในพื้นที่อำเภอแหลมสิงห์จังหวัดจันทบุรีเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระช่วยเหลือสังคม สร้างที่อยู่อาศัยถาวรให้ครอบครัวผู้ยากไร้ได้อยู่อาศัยอย่างอบอุ่น โดยมีนายอำเภอแหลมสิงห์ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการชุมชนร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบบ้าน   สำหรับครั้งนี้เป็นการมอบบ้านที่สร้างแล้วเสร็จจำนวน 3 หลัง ให้แก่ นางฉะอ้อน สุขคง บ้านเลขที่ 18 หมู่ที่ 7 ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์  นายจำลอง สมัครพรรณ บ้านเลขที่ 28 หมู่ 8 ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ และ บายบุญเที่ยง สมุดไทย บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ที่ 10 ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์  



จรัล บรรยงคเสนา/ภาพ/ข่าว (  5 ส.ค. 57 )
                       ธเนศ  เธียรนันทน์/ตรวจข่าว

จังหวัดจันทบุรี ตั้งชุดปฏิบัติการ ทำทันที สนับสนุนการดำเนินงานศูนย์ดำรงธรรม

จังหวัดจันทบุรีจัดตั้งชุดปฏิบัติการ ทำทันที สนับสนุนการดำเนินการของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรี รวดเร็ว ทันใจ เรียกง่าย ใช้คล่อง ไม่ต่อรอง ไม่มีผลประโยชน์

นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศเรื่องการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขับเคลื่อนงานการบริหารบ้านเมืองที่ดีให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล บูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความเป็นเอกภาพเป็นศูนย์บริการร่วมตามมาตรา 32 แห่งพระราชกฤษฎีกา และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างคล่องตัวเกิดประโยชน์แก่ประชาชน จังหวัดจันทบุรีจึงได้แต่งตั้งชุดปฏิบัติการ ทำทันที หรือ ททท.จังหวัดจันทบุรีขึ้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรีให้รวดเร็ว ทันใจ เรียกง่าย ใช้คล่อง ไม่ต่อรอง ไม่มีผลประโยชน์

ทั้งนี้ศูนย์ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรีจะทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร ให้คำปรึกษา แก้ปัญหา ความต้องการและข้อเสนอแนะของประชาชน และทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการร่วมตามมาตรา 32 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 โดยประชาชนสามารถติดต่อขอรับบริการจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรีได้ที่ชั้น 3 อาคารศาลากลางจังหวัดจันทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 039 – 328333 หรือ สายด่วน 1567



จรัล บรรยงคเสนา/ภาพ/ข่าว (  5 ส.ค. 57 )
                       ธเนศ  เธียรนันทน์/ตรวจข่าว 

มูลนิธิอาสาเพื่อพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดการประกวดประกอบอาหารพื้นเมืองจากเดียว และอาหารจานหวานทั่วประเทศ

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาโปรดให้ พลอากาศเอก อนุพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ฯ มอบโล่ผู้ชนะการประกวดประกอบอาหารและของหวานที่ทำจากข้าไรซ์เบอร์รี่ ระดับเขต ในกิจกรรม “อิ่มสุข ไรซ์เบอร์รี่ คุกกิ้ง คอนเทสต์” ณ เวทีการประกาศผลการประกวดประกอบอาหารและของหวานที่ทำจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ ระดับเขต ในกิจกรรม “อิ่มสุข ไรซ์เบอร์รี่ คุกกิ้ง คอนเทสต์” ณ เซ็นทรัลพลาซาชลบุรี จังหวัดชลบุรี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย มีพระประสงค์ที่ให้มูลนิธิฯ ช่วยเหลือการฟื้นฟูอาชีพชาวนา ผู้ประสบอุทกภัยอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอาชีพชาวนา

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรชาวนา โดยการผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง (ข้าว Rice Berry) สำหรับบริโภค และสร้างรายได้เพื่อยกระดับสู่การขยายช่องทางการตลาด และบริโภค ด้วยการส่งเสริมใช้ข้าว  Rice Berry เป็นส่วนผสมในการประกอบอาหาร และอาหารหวาน ที่ทำจากข้าว Rice Berry ให้หลากหลายอันจะนำไปสู่การเพิ่มอุปสงค์ ยังผลให้ข้าว Rice Berry มีความต้องการมากยิ่งขึ้น

นายนิยม รัตนเย็นใจ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออก กล่าวว่า มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการจัดประกวดอาหารจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ ในระดับภูมิภาครวม 9 ภาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภค หันมาบริโภคบำบัดมากมาย มากยิ่งขึ้น สนับสนุนและส่งเสริมให้ชาวนาปรับเปลี่ยนมาปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่มีมูลค่ามากกว่าข้าทั่วไป ซึ่งส่งผลให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น และสนับสนุนส่งเสริมภูมิปัญญาการประกอบอาหารพื้นเมืองโดยประยุกต์ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่พัฒนาเป็นเมนูอาหารใหม่ๆ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อไป

สำหรับการประกวดในครั้งนี้ เป็นการจัดประกวดของเขตพื้นที่ ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ส่วนรางวัลการประกวดผู้ได้รับรางวัลการประกวดทั้ง 2 ประเภท ได้รับเงินรางวัล 3,000 บาท พร้อมโล่รางวัล ผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ทั้ง 2 ประเภท ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร และผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทั้ง 2 ประเภท ได้รับเงินรางวัล 1,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศอันดับ 1 ของแต่ละเขตพื้นที่ ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันประกวดอาหารระดับประเทศ ที่กรุงเทพฯ ในงาน 12 สิงหาคม 2557 “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อิ่มสุข ไรซ์เบอร์รี่ ออร์แกนิก แฟร์” เพื่อชิงถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย



ปริญญา/ข่าว/ภาพ

สำนักงานการค้าภายในจังหวัดชลบุรี จัดการประชุมเชื่อมโยงตลาดลำไยคุณภาพสูงสู่ตลาดปลายทาง ระหว่างผู้ผลิตและผู้ค้าปลายทาง

วันนี้ (วันที่ 5 สิงหาคม 2557) นางวิชชุดา  กันตีวงศ์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เขต 1 เป็นประธาน การประชุมเชื่อมโยงตลาดลำไยคุณภาพสูงสู่ตลาดปลายทาง ระหว่างผู้ผลิตและผู้ค้าปลายทาง จังหวัดชลบุรี ตามโครงการยกระดับการแข่งขันสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐานและมูลค่าเพิ่ม ณ โรงแรมรัตนชลบุรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยมีตัวแทนผู้ผลิต ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมการประชุม

นางวิชชุดา  กันตีวงศ์  กล่าวว่า การประชุมเชื่อมโยงตลาดลำไยคุณภาพสูงสู่ตลาดปลายทาง ระหว่างผู้ผลิตและผู้ค้าปลายทาง จังหวัดชลบุรี ตามโครงการยกระดับการแข่งขันสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐานและมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างภาค ผู้ผลิต กับผู้ประกอบการได้มาทำธุรกิจตลาดการค้าร่วมกัน โดยฝ่ายผู้ผลิตจะได้นำเสนอสิ้นค่าผลิตภัณฑ์ แปรรูปที่ทำมาจาก ลำไย อาทิเช่น สินค้าแปรรูปลำไยอบแห้งสีทอง ลำไยกระป๋อง สินค้าลำไยอบกรอบ  ชาลำไย  ไวน์ลำไย เค้กลำไย  ตลอดจนผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ ซึ่งทำมาจากลำไย  โดยมีกระบวนการผลิต และขั้นตอนการผลิตลำไยที่ได้รับมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practics) คือ การไม่ใช้สารเคมีที่ต้องห้าม และการใช้สารเคมีอื่นๆอยู่ในระดับที่ปลอดภัย มีการรับรองแปลงจากกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ และมาตรฐาน Organic Thailand จากกรมวิชาการเกษตร  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระบวนการผลิตต้องสะอาด ปลอดภัย ไม่มีการใช้สารเคมีในทุกขั้นตอน  อีกด้วย ซึ่งจะช่วยรับประกันในคุณภาพของสิ้นค้าและผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการในจังหวัดชลบุรีที่สนใจและมั่นใจในผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำมาจากลำไย สามารถนำไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภคต่อไปอีกด้วย




คมศักดิ์ หล่อเถิน/ข่าว

ชลบุรี จัดการประชุมการมีส่วนร่วมในการสร้างทางหลวง 344

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2557 นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 344 ตอน ชลบุรี – อำเภอบ้านบึง ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

ทางหลวงหมายเลข 344 ตอน ชลบุรี – อำเภอบ้านบึง มีจุดเริ่มต้นจาก กม.0+000 ถึง กม.13.721 เป็นเส้นทางหลวงที่มีความสำคัญของจังหวัดชลบุรี โดยเฉพาะด้านการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ การเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งทั้งในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี การขนส่งสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งสามารถเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงที่รองรับการเดินทางจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ซึ่งปัจจุบันเส้นทางหลวงดังกล่าวข้างต้นเป็นทางหลวงขนาด 4 ช่องจราจร มีปริมาณการจราจรเฉลี่ยรายวัน (AADT) 52,539 คันต่อวัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์รถบรรทุกหนัก 29 % และยังจำเป็นต้องมีการพัฒนาแนวเส้นทางดังกล่าวเพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างภูมิภาคและยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป

นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 4,200 กว่าล้านบาท ดำเนินการซ่อมบำรุงทาง 6 เส้นทางหลักในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเป็นระยะเวลา 3 ปี หนึ่งในจำนวนนี้ คือทางหลวงหมายเลข 344 เพื่อขยายช่องจราจรจากเดิม 4 ช่องจราจร เป็น 6 ช่องทางจราจร เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการคมนาคมขนส่ง ให้มีความสะดวกปลอดภัยและมีความรวดเร็วในการเดินทาง รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณการจราจรและขนส่งที่เพิ่มขึ้น

สำหรับทางหลวงหมายเลข 344 ตอน ชลบุรี – อำเภอบ้านบึง ระหว่าง กม.2+500 – กม.12+700 ระยะทางรวมประมาณ 10.200 กิโลเมตร อยู่ในเขตพื้นที่ ตำบลบ้านสวน – ตำบลหนองรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี และตำบลหนองซ้ำซาก – ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณ เดือนตุลาคม 2557 ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 24 เดือน ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นดังกล่าว อำนวยความสะดวกโดยการติดป้ายบอกเส้นทาง พร้อมให้บริการประชาชนในการสัญจรไปมา

และในวันนี้ได้จัดการประชุมประชาชนในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร พร้อมขอให้ประชาชนหลีกเลียงเส้นในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการให้ประชาชนได้รับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่สองข้างทางในบริเวณพื้นที่โครงการและผู้ใช้เส้นทาง หากมีข้อสงสัยประการใดสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แขวงการทางชลบุรี เลขที่ 213 หมู่2 ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โทรศัพท์ 038 – 758538 – 40 ในวันและเวลาราชการ




ปริญญา/ข่าว

จังหวัดชลบุรี จัดงาน “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมใจ คืนความสุขสู่ประชาชน ครั้งที่ 2 ”

สำนักงานสหกรณ์จังหวัดชลบุรี นำโดยนายสนิท ตันสมบัติ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมสหกรณ์ 3 นำข้าราชการ และพนักงานราชการ ซึ่งเป็นผู้ดูแล ให้คำแนะนำ และส่งเสริมสหกรณ์การเกษตรบางละมุง จำกัด เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของสหกรณ์ และเป็นประธานในการประชุม พร้อมจัดงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมใจ คืนความสุขสู่ประชาชน ครั้งที่2

การประชุมในครั้งนี้ นายมานพ ศิริมาก ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรบางละมุง จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่เข้ามาบริหารสหกรณ์แห่งนี้ มีความรู้สึกเข้าใจถึงบทบาท หน้าที่ และความสำคัญของการบริหารงาน อีกทั้งการร่วมกันแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการทางสหกรณ์โดยการช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการสหกรณ์ คณะกรรมการดำเนินงานมีความพยามยามทำหน้าที่จากที่ประชุมใหญ่ด้วยความมุ่งมั่นและต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของสหกรณ์ไปในทิศทางที่ดีขึ้น และร่วมแรงร่วมใจ เสียสละให้กับการปฎิบัติงาน ทำให้ในปีนี้สหกรณ์มีผลประกอบการดีขึ้น และขอยืนยันว่า สหกรณ์การเกษตรบางละมุง จำกัด ได้บริหารงานด้วยความโปร่งใส ยึดหลักการมีส่วนร่วมของมวลสมาชิก และสามารถตรวจสอบการดำเนินงานได้ สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญ เช่น การดำเนินงานของสหกรณ์ฯ ปี 2556, พิจารณาเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการและผู้ตรวจสอบกิจการ, แผนการดำเนินงานและประมาณการรับ-จ่ายประจำปี, กำหนดวงเงินกู้ยืม, และกำหนดค่าตอบแทน เป็นต้น

สำหรับการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสหกรณ์การเกษตรบางละมุง จำกัด ในครั้งนี้มีการจัดงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมใจ คืนความสุขสู่ประชาชน ครั้งที่ 2 และสหกรณ์การเกษตรบางละมุง คืนความสุขสู่สมาชิก โดยใช้ขบวนการสหกรณ์เป็นพลังขับเคลื่อน ซึ่งงานดังกล่าวมีกิจกรรม เพื่อสร้างความสุขให้กับประชาชนและผู้ที่สนใจมาร่วมงาน อาทิ การนำสินค้าอุปโภคบริโภค ที่จำเป็น เช่น ไข่ไก่ น้ำมันพืช และสินค้าอื่นๆ จากสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่จำเป็นต่อการครองชีพ ตลอดจนสินค้าจากกลุ่มอาชีพในสังกัดสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมาจำหน่ายให้กับประชาชนผู้บริโภคโดยตรง ในราคายุติธรรม เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนให้มีโอกาสซื้อสินค้าคุณภาพในราคาพิเศษอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน รวมทั้งเป็นการช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรอีกด้วย



ปริญญา/ข่าว/ภาพ

ทหารตำรวจสัตหีบ รวบเครือข่ายยาบ้า เรือนจำชลบุรี

พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.ส.ภ.สัตหีบ น.อ.คมพันธ์ อุปลานนท์  ผู้อำนวยการยุทธการและการข่าว ฐานทัพเรือสัตหีบ  น.ท.อัศวิน จอดสมุทร พ.ต.ท.ปวัชร์ชัย สุดสาคร รอง ผ.กก.สส.สภ.สัตหีบและตำรวจชุดสืบสวน แถลงผลการจับกุมผู้จำหน่ายยาเสพติดและเสพยาเสพติด ได้ผู้ต้องหารวม 9 ราย ของกลางยาบ้า 936 เม็ด รถจักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 3เครื่อง และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง สำหรับผู้ต้องหาที่ จำหน่ายยาเสพติด ประกอบด้วย นายมนตรี หรือมอส ใจก๋ง อายุ 19 ปี ยาบ้าจำนวน 780 เม็ด (สวมเสื้อ สีฟ้า) นายวิริยะ หรือคอส ทองเอม อายุ 19 ปี ยาบ้าจำนวน 78 เม็ด( สวมเสื้อตอกลมสีดำ) นาย ศรันย์ หรือโจ งามสุวรรณ อายุ 18 ปี ยาบ้าจำนวน78เม็ด (สวมเสื้อคอปกสีน้ำตาล) ดำเนินมียาเสพติดไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย   ส่วนอีก 6 คน พบปัสสาวะเป็นสีม่วง เสพสารเสพติด

พ.ต.ท.ปวัชร์ชัย สุดสาคร รอง ผ.กก.สส.สภ.สัตหีบกล่าว่า ก่อนการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง3รายนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้เสพยาเสพติดได้จำนวน6รายจากการขยายผลได้ข้อมูลว่านายคอส หรือนายวิริยะ ทองเอมได้จำหน่ายยาบ้าอยู่ชุมชนบ้านบางสเร่จึงสนธิกำลังทหารตำรวจออกสืบสวนพบตัวอยู่ที่สะพานปลาเพทาย หมู่4 ตำบลบางสเร่ อำเภอสัตหีบจึงเข้าตรวจค้นตัวพบยาบ้าจำนวน78เม็ดขยายผลต่อจนทราบว่านายคอสได้รับยาบ้ามาจากนายสมชายและนายมอสจึงติดตามและพบตัวนายมอสที่ริมหาดบางสเร่ใกล้ร้านอาหารเรือนทะเล ค้นตัวพบยาบ้าจำนวน 780เม็ด ซึ่งนายมอสให้การว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของนายสมชายหรือนายต้นให้ตนเก็บรักษาไว้ จากนั้นได้ขยายผลทราบว่านายศรันย์ หรือโจ งามสุวรรณ ซึ่งมีพฤติการณ์รับจ้างนำยาบ้าไปส่งให้ลูกค้า โดยรับใบสั่งมาจากนายกอล์ฟ หรือเอก ผู้ต้องขังในเรือนจำแห่งหนึ่ง จึงร่วกันสืบสวนติดตามจนพบตัวนาย ศรันย์ ที่บริเวณวัดเทพปราสาท ในขณะที่รอส่งยาบ้าให้ลูกค้า ตรวจค้นภายในตัวพบยาบ้าจำนวน78เม็ดให้การว่ากำลังจะส่งยาบ้าให้ลูกค้า ตามคำสั่งของนายกอล์ฟ ซึ่งสั่งการมาทางโทรศัพท์ มาจากในเรือนจำชลบุรี จึงแจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย และดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป



ปริญญา/ข่าว/ภาพ