วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พ่อเมืองแปดริ้วนำส่วนราชการออกหน่วยเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม

วันนี้ (19 มิ.ย. 57 ) นาย อนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา  พร้อมด้วย นาย บัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา  นาย ไพศาล วิมลรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นาย กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา  หัวหน้าส่วนราชการ  หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ  ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน  ออกเยี่ยมเยียนพบปะประชาชนในพื้นที่ห่างไกล  ตามโครงการ"หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” (โครงการจังหวัดเคลื่อนที่ ) ณ วัดธารพูด   หมู่ที่ 7  ตำบลบ้านซ่อง อำเภอพนมสารคาม พร้อมนำการบริการเคลื่อนที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ไปให้บริการพี่น้องประชาชน   และเพื่อให้ส่วนราชการ ได้มีโอกาสพบปะประชาชนในท้องที่ พร้อมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและหาทางช่วยเหลือในเบื้องต้นซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและของจังหวัดฉะเชิงเทรา

โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราได้นำข้าราชการและประชาชนตำบลบ้านซ่อง กล่าวคำปฏิญาณเทิดทูนสถาบันของชาติ ต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและสดุดีมหาราชา  เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้กล่าวฝากถึงแนวทางการดำเนินชีวิตที่จะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขในหมู่บ้าน/ชุมชน คือ ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความสามัคคี การเคารพนับถือผู้สูงอายุ การสร้างความอบอุ่นแก่ครอบครัว การช่วยกันป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด การดูแลรักษาสุขภาพให้ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  สำหรับโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ยังได้จัดประชุมเสวนาเวทีนี้มีคำตอบ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้มีการมอบสื่อพัฒนาเด็กเล็กแก่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ , มอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนยากจน , มอบหนังสือเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสหกรณ์ แก่โรงเรียนในพื้นที่ , มอบเงินปรับสภาพที่อยู่อาศัยคนพิการ ,มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้ยากไร้ ,  มอบรถเข็นสำหรับคนพิการ ,มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้พิการ ,มอบเครื่องอุปโภคและบริโภคกับราษฎรที่ยากจน   และโอกาสเดียวกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา   หัวหน้าส่วนราชการ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ และเยี่ยมชมกิจกรรมการให้บริการที่ส่วนราชการต่าง ๆ ได้มาร่วมกันจัดกิจกรรมให้บริการประชาชนอีกด้วย



ชาญณรงค์/ข่าว-ภาพ
ส.ปชส.ฉะเชิงเทรา

สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนานำอาหารกล่องแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ อ.พนสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

วันนี้  (19 มิ.ย. 57) สำนักพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้นำรถครัวสนาม มาดำเนินการจัดทำอาหารกล่อง จำนวน 300 กล่อง เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่เข้าร่วมงานโครงการ "หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน”  ณ วัดธารพูด ต.บ้านช่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีนายอนุกูล  ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พันเอก ธวัชชัย ชวนสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 1  ร่วมกันมอบอาหารกล่องให้ประชาชนพื้นที่ตำบลบ้านซ่อง และตำบลใกล้เคียง

ทั้งนี้  สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาได้จัดบอร์ดประชาสัมพันธ์ เพื่อเผยแพร่ผลงานการปฏิบัติงานของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อาทิ เช่น การขุดลอกคลอง เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและให้มีน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรกร จำนวน 7 งาน , การซ่อมทางลูกรัง จำนวน 3 เส้นทาง เพื่อบรรเทาการเดือดร้อนในการสัญจรของประชาชน และการนำผลิตผลทางการเกษตรออกสู่ตลาดในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงการขุดเจาะน้ำบาดาลและขุดเจาะบ่อน้ำตื้นให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ โดยได้แนะนำประชาชนผู้ร่วมงานให้ทราบถึงภารกิจการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนตลอดจนช่องทางในการขอรับการช่วยเหลือและการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานพัฒนาภาค 1 เลขที่ 179 หมู่ 7 บ.หนองเค็ดใหม่ ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โทรศัพท์ 038-552881 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายคืนความสุขให้กับประชาชน ตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติอีกด้วย



ชาญณรงค์/ข่าว-ภาพ
ส.ปชส.ฉะเชิงเทรา

ตำรวจสนธิกำลังทหาร อาสาสมัครกว่า 300 นาย ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 18 มิถุนายน หน้ากองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดระยอง ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง พล.ต.ต.รุ่งฤทธิ์ ซุ่นทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธี ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 - 24 มิถุนายน โดยมีข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจภูธร จังหวัดระยอง จำนวน 250 นาย ทหาร กองพันทหารราบที่ 6 กรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน จำนวน 23 นาย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจชุมชน จำนวน 80 นาย พร้อมรถยนต์สายตรวจจำนวน 25 คัน รถจักรยานยนต์สายตรวจจำนวน 10 คัน ร่วมในพิธีโดย พ.ต.อ.ไตรศูล เนียมทรัพย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดระยอง กล่าวรายงานว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประกาศยกเลิกการห้ามออกนอกเคหะสถาน ได้ปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่มีความคิดเห็นต่างและมีแนวโน้มที่จะระดมแนวร่วมมวลชน ออกมาเคลื่อนไหวหรือจัดกิจกรรมในระหว่างวันที่ 19 - 21 มิถุนายนนี้ ในหลายพื้นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงสั่งให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมระหว่างวันที่ 18 - 24 มิถุนายนนี้ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ เรื่องยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิดและระเบิดแสวงเครื่องรวมทั้งระเบิดปิงปอง เรื่องบุคคล สถานที่และสื่อสังคมออนไลน์ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านหรือจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ให้สืบสวนหาข่าว ตรวจสอบติดตามบุคคลและสถานที่เป้าหมายเพื่อเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือยุติการกระทำ

พ่อเมืองระยอง เปิดงานเทศกาลผลไม้และของดีอำเภอวังจันทร์คึกคัก

เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 18 มิถุนายน ที่บริเวณหน้าโรงเรียนวังจันทร์วิทยา ริมถนนสายบ้านบึง-แกลง หมู่ 1ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานเทศกาลผลไม้และของดีอำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง โดยมีนายศุภมิตร เลื่อนสุคันธ์ นายอำเภอวังจันทร์ นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ระยอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ชุมแสง นายก อบต.วังจันทร์ นายกอบต.พลงตาเอี่ยม กำนันผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มเกษตรกร ร่วมในพิธีคับคั่ง

นายศุภมิตร เลื่อนสุคันธ์ นายอำเภอวังจันทร์ กล่าวรายงานว่าข้าราชการ เกษตรกรและประชาชน พร้อมคณะกรรมการจัดงาน มีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานเปิดงานเทศกาลผลไม้และของดี อำเภอวังจันทร์ ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมของอำเภอวังจันทร์มีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม ซึ่งมีพื้นที่การเกษตรทั้งหมด 80 %ของอำเภอวังจันทร์ ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญคือ ทุเรียน มังคุด ยางพารา มันสำปะหลัง สับปะรดฯลฯ ที่ผ่านมาผลผลิตทางเกษตรกรรมมักประสบปัญหาเรื่องราคาตกต่ำในช่วงฤดูกาลที่ให้ผลผลิตมาก ทำให้อำเภอวังจันทร์จึงร่วมใจกันจัดงานเทศกาลผลไม้และของดีอำเภอวังจันทร์ เป็นประจำทุกปี และในปีนี้งานจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 - 24 มิถุนายน

นายศุภมิตร นายอำเภอวังจันทร์ กล่าวต่อไปว่าการจัดงานครั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องราคาตกต่ำโดยมุ่งเน้นให้เกษตรกรนำผลไม้ที่มีคุณภาพมาจำหน่ายกับผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และยังเป็นการเผยแพร่ผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะผลไม้ของอำเภอวังจันทร์เป็นผลไม้ที่มีคุณภาพให้แพร่หลายแก่คนทั่วไป ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพผลไม้ให้ดียิ่งขึ้น

นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวเปิดงานว่าการจัดงานเทศกาลผลไม้และของดีอำเภอวังจันทร์ สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างดียิ่ง และเป็นการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำที่ตรงจุด เป็นการส่งเสริมช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าพี่น้องเกษตรกรชาวอำเภอวังจันทร์ให้ความร่วมมือร่วมใจในการแก้ไขปัญหารวมทั้งมีการพัฒนาศักยภาพของอำเภอวังจันทร์ไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วย

สคบ.เร่งผลักดันการคุ้มครองผู้บริโภคสู่สหภาพแรงงาน

เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันนี้ (19 มิถุนายน) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดโครงการส่งเสริมและผลักดันการดำเนินงานเครือข่ายสหภาพแรงงาน โดยมีนายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาที่ โรงแรมโกลเด้นซิตี้ อำเภอเมืองระยอง

นายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ รองเลขาธิการ สคบ. เปิดเผยว่า จากการทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สคบ. กับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในการเร่งส่งเสริมให้ภาคแรงงานอุตสาหกรรมมีความรู้ความเข้าใจด้านการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อเป็นการส่งเสริมบทบาทขององค์กรภาคเอกชนและภาคประชาชนให้ควบคู่ไปกับองค์กรภาคราชการ ในการพัฒนาศักยภาพของประชาสัมคมและชุมชนท้องถิ่นให้เกิดการรวมกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง สามารถพิทักษ์ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองและสังคมไทย ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนผู้บริโภคได้เข้าใจและเห็นความสำคัญในสิทธิผู้บริโภค เพราะในการคุ้มครองผู้บริโภคในภาคส่วนต่างๆ กลุ่มสหภาพแรงงานนับเป็นกลุ่มพลังที่มีความเข้มแข็งและสามารถเป็นเครือข่ายด้านการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นอย่างดี

สคบ. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรวมพลังเป็นเครือข่ายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดูแลเอาใจใส่ประชาชน จึงจัดโครงการนี้ขึ้น โดยผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาประกอบด้วยผู้แทนสหภาพแรงงานและผู้แทนจากองค์กรนายจ้างจำนวนรวม 200 คน

สภ.เมืองระยอง แจงข้อเท็จจริงกรณีมีข่าวคนร้ายลักพาตัวเด็ก

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 18 มิ.ย.57 ที่หน้าตำรวจภูธรจังหวัดระยอง พันตำรวจเอกฐานวัฒน์ ธีรโชติเรืองชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง เปิดเผยถึงกรณีข่าวคนร้ายลักพาตัวเด็ก โดยในข่าวระบุว่าเกิดบริเวณร้านตี๋ผลไม้ ศูนย์การค้าระยอง อำเภอเมืองระยอง ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทั้งนี้จากเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2557 เวลา 10.00 น .ร.ต.อ.ชัชวาลย์ ไชยพา รองสารวัตรป้องกันและปราบปรามเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองระยองที่ออกตรวจป้องกันเหตุในศูรนย์การค้าระยองได้รับแจ้งเหตุจากหญิงคนหนึ่งว่า บุตรสาวอายุ 4 ขวบ หายไปใกล้บริเวณที่เป็นข่าว โดยมีผู้พบเห็นหญิงคนหนึ่งจูงมือไปยังสถานีขนส่งระยอง จึงพร้อมด้วยชุดเคลื่อนที่เร็วได้ออกติดตาม จนกระทั่งพบเด็กอยู่ในละแวกใกล้เคียง สอบถามหญิงที่จูงเด็กคนดังกล่าว ทราบว่าเป็นญาติพี่น้องที่มาซื้อของด้วยกัน โดยมารดาเด็กหญิงคนนั้นกล่าวยืนยันว่าเป็นความจริงและเป็นเรื่องเข้าใจผิด จากนั้นได้รีบเดินหลบไปโดยไม่แจ้งข้อมูลส่วนตัวให้ทราบ จากการสอบถามพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองระยองทุกนายยืนยันว่าไม่ได้รับแจ้งเหตุเด็กหายจากผู้อื่นอีก นอกจากนี้จากการตรวจสอบศูนย์ข้อมูลเด็กหาย มูลนิธิกระจกเงา (080 – 775 – 2673) ก็ยืนยันว่าไม่ได้รับแจ้งเหตุเด็กหายจากพื้นที่จังหวัดระยองเช่นกัน ในกรณีที่เกิดเป็นข้าวทางสื่ออนไลน์ น่าจะเกิดจากพลเมืองดีผ่านมาเห็นเหตุการณ์แล้วลงข่าวโดยไม่ได้ติดตามให้ตลอด ทำให้ข่าวดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกหวาดกลัวให้กับประชาชนในจังหวัดระยองเป็นอย่างมาก ทางสถานีตำรวจภูธรเมืองระยองจึงขอชี้แจงท้อเท็จจริง ข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจผิด

คนร้ายบุกเดี่ยวขี่รถจักรยานยนต์มาจอดทางเข้าบ้าน ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มบ้านอดีตตำรวจชุมชน พรุนกว่า 20 นัด สองแม่ลูกนอนอยู่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แม่ครวญน้อยใจเสียใจ ทำไม่ต้องทำกันถึงขนาดนี้ ตำรวจคาดสาเหตุพัวพันยาเสพติด

เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 19 มิ.ย. ร.ต.ท.ธงชัย กาสีใส ร้อยเวร สภ.บ้านค่าย จ.ระยองรับแจ้งจากนางเชย เงินบุคคล อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/5 ถนนสายสวนหลาว-ดอนจันทร์ หมู่ 1 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย และนายสุชาติ สายพิณ อายุ 42 ปี สองแม่ลูก ว่าเมื่อเวลา 04.30 น.วันเดียวกันขณะกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอน มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่บ้านเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หลังเสียงปืนสงบออกมาดูไม่พบคนร้ายแต่อย่างใด หลังรับแจ้งจึงรายงาน พ.ต.อ.อธิก ลาภานุพัฒน์ ผกก.สภ.บ้านค่าย จึงเดินทางมาดูที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บ้านค่าย

ในที่เกิดเหตุบริเวณริมถนนสายสวนหลาว-ดอนจันทร์ ซึ่งเป็นทางเข้าบ้านที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด เอ็ม 16 ตกอยู่จำนวน 22 ปลอก และหัวกระสุนปืน 3 หัว เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุ มีบ่อน้ำอยู่หน้าบ้าน พบรอยกระสุนบริเวณปากบ่อจำนวน 1 รูและที่ไม้ปากบ่อน้ำใช้สำหรับแขวนลอกตักน้ำมีรอยกระสุนจำนวน 2 รู หลังบ่อน้ำเป็นผนังคอนกรีตห้องนอน พบรอยกระสุนรวม 14 รู ถังน้ำพลาสติกถูกกระสุนแตกร้าว ฝาไม้หน้าบ้านถูกยิงทะลุ 1 รู หลังคากระเบื้องในห้องนอนแตกเป็นรูโหว่ เจ้าหน้าที่พบหัวกระสุนตกบริเวณผนังห้องคอนกรีตจำนวน 3 หัว

จากการสอบสวนนางเชย เงินบุคคล เจ้าของบ้านให้การว่าเมื่อเวลา 04.30 น.วันเดียวกันขณะกำลังนอนหลับได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันจำนวนหลายนัด ไม่กล้าออกมาดูจนรุ่งเช้านางสมโภชน์ เงินบุคคล อายุ 65 ปี น้องสาวมีบ้านพักอยู่ฝั่งตรงข้ามได้เดินมาที่บ้านร้องเรียกว่ามีใครถูกยิงหรือเปล่า ตนจึงเปิดบ้านออกมาดูพบว่าบ้านถูกยิงได้รับความเสียหายหลายแห่งกระเบื้องหลังคาแตกเป็นรูพรุนพร้อมกล่าวว่ารู้สึกเสียใจ ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้

นางสมโภชน์ เงินบุคคล อายุ 65 ปี น้องสาวนางเชย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุหลังกลับจากกรีดยางเดินเข้าไปในบ้านต้มน้ำร้อนใส่บะหมี่สำเร็จรูปกำลังจะกิน ก็ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวจึงแอบดูเห็นชายฉกรรจ์ไม่สวมหมวกนั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์มองไม่ชัดว่าสีอะไรและไม่ทราบยี่ห้อ ใช้ปืนยาวกำลังยิงใส่บ้านพี่สาวแล้วก็ขี่รถจักรยานยนต์หนีไป

น.ส.บุญชู ผ่องฉาย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122/1 หมู่ 3 ต.หนองละลอก ลูกสาวนางเชย กล่าวว่า เปิดร้านขายของชำที่บ้านถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่บ้านรวม 4 นัด เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาแต่ไม่ได้แจ้งความ

ด้านนายสุชาติ สายพิณ อายุ 42 ปี ลูกชายนางเชย กล่าวว่า ในอดีตเมื่อ 10 ปีเศษที่ผ่านมาเคยเป็นตำรวจชุมชน ร่วมกับพวกออกปราบปรามยาเสพติดจนถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงใส่บ้าน รวม 5 นัดไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดและเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาคนร้ายไม่สวมหมวกกันน็อก ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสีและยี่ห้อมาจอดริมถนนห่างจากบ้าน 30 เมตร จุดเดียวกับที่คนร้ายยิงเมื่อ 10 ปีก่อน ขณะกำลังนอนหลับได้ยินเสียงคล้ายปืนกลดังถี่ยิบ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะแถบนี้มีคนยิงปืนกันเป็นประจำ จึงนอนต่อจนรุ่งเช้าออกมาดูจึงรู้ว่าบ้านถูกยิง ซึ่งไม่เข้าใจว่าคนร้ายต้องการอะไร และยิงถล่มบ้านตนเองทำไม เนื่องจากที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกับใคร

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ได้เร่งสอบปากคำสองแม่ลูกบ้านเกิดเหตุรวมทั้งน้องสาวที่เห็นเหตุการณ์อย่างเร่งรีบ ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกสืบสวนหาข่าวเส้นทางคนร้ายที่หลบหนี เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากพัวพันเรื่องยาเสพติด หรือแก๊งค้ายาบ้าที่เคยปราบปรามสมัยเป็นตำรวจชุมชนกลับมาแก้แค้น

จังหวัดจันทบุรี เร่งกระจายผลผลิตผลไม้ป้องกันผลไม้ล้นตลาดราคาตกต่ำ

จังหวัดจันทบุรีจัดกิจกรรมปล่อยคาราวานผลไม้ กระจายผลผลิตคุณภาพสู่อาเซียนเพิ่มช่องทางการตลาด ป้องกันแก้ไขปัญหาผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำ

เมื่อเย็นวันที่ 18 มิถุนายน ที่ลานขนถ่ายสินค้า ศูนย์ปฏิบัติราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดจันทบุรีได้จัดกิจกรรม กระจายผลไม้คุณภาพจังหวัดจันทบุรีสู่อาเซียน เพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างภาพลักษณ์ระบบการกระจายผลผลิตคุณภาพของจังหวัดจันทบุรีไปสู่ผู้บริโภคปลายทางในต่างประเทศ กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย พม่า และลาว โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พลเรือตรีนพพร วุฒิรณฤทธิ์ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ประธานสภา อบจ.จันทบุรี และรองนายก อบจ.จันทบุรีร่วมสัมผัสลูกบอลเปิดงาน พร้อมทั้งปล่อยขบวนรถคาราวานผลไม้คุณภาพไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ กระจายผลผลิต เพิ่มช่องทาง การตลาด ป้องกันแก้ไขปัญหาผลไม้ล้นตลาด ราคาตกต่ำ ช่วยให้เกษตรกรชาวสวนในจังหวัดจันทบุรีมีรายได้เพิ่มขึ้น

สำหรับสถานการณ์ผลไม้ในช่วงนี้ ทั้งเงาะ และมังคุดกำลังออกสู่ตลาดจำนวนมาก อีกทั้งปัญหาแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ตื่นกับข่าวลือเดินทางกลับบ้านจึงขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมทั้งล้งที่รับซื้อผลไม้ก็ขาดแคลนแรงงานเช่นกันส่งผลให้การกระจายผลผลิตของเกษตรกรชาวจันทบุรีเริ่มมีปัญหาแต่ทางจังหวัดได้เตรียมป้องกันแก้ไขไว้แล้ว และพร้อมทันทีที่จะแทรกแซงราคาหากผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำ



จรัล บรรยงคเสนา/ภาพ/ข่าว ( 19  มิ.ย.57 )
                  ธเนศ  เธียรนันทน์/ตรวจข่าว  

ส.ปชส. จันทบุรี จับมือ ปภ. จัดประชุมชี้แจงเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนป้องกันอัคคีภัย

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ประชุมชี้แจงเชิงปฏิบัติการประชาสัมพันธ์เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต ด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัย

วันนี้ ( 19 มิ.ย.57 ) ที่บริเวณศาลเจ้าที่ตลาดล่าง ริมน้ำจันทบูรณ์ จังหวัดจันทบุรี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรีไดจัดประชุมชี้แจงเชิงปฏิบัติการประชาสัมพันธ์เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต พร้อมฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด ด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัย เพื่อสนองตอบปีแห่งการรณรงค์ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอัคคีภัย กรมประชาสัมพันธ์จึงได้มอบหมายให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดทุกจังหวัดจัดโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤตขึ้นโดยมีนายสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานเปิดการสัมมนาและเปิดฝึกซ้อมแผนป้องกันสาธารณะภัย

ทั้งนี้ชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงเนื่องมีบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้และอยู่ติดกันอย่างหนาแน่นอาจเกิดอัคคีภัยได้ง่ายและยากแก่การควบคุมซึ่งอาจส่งผลต่อความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน สาเหตุการเกิดอัคคีภัยส่วนใหญ่มักเกิดจากความประมาทและขาดความระมัดระวัง โดยเฉพาะในที่อยู่อาศัย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในการจัดโครงการครั้งนี้เป็นสื่อมวลชนทุกแขนง จำนวน 30 คน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจถึงบทบาท ภารกิจของสื่อมวลชน ในการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติ ให้สามารถประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอนวิธีการ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดการตื่นตระหนก และให้ความร่วมมือกับภาครัฐด้วยดี อันจะช่วยลดภาวะสูญเสียได้ในระดับหนึ่ง โดยการสัมมนาครั้งนี้ได้จัดให้มีการบรรยายเรื่อง "บทบาทของสื่อมวลชน กับการป้องกันแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต” โดย นายธเนศ เธียรนันท์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี และการบรรยายเรื่อง "สิ่งที่ ปภ. ต้องการความร่วมมือจากสื่อมวลชน เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัยและภาวะวิกฤต” โดยนายวิสุทธิ์ ประกอบความดี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี นอกจากนี้ยังมีการร่วมฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercies : TTX.) ด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัย ประจำปี 2557 ด้วย



จรัล บรรยงคเสนา/ภาพ/ข่าว ( 19  มิ.ย.57 )
                  ธเนศ  เธียรนันทน์/ตรวจข่าว

พัทยา-ทหาร ตำรวจ กสทช. บุกยึดสถานีวิทยุ 3 แห่ง ออกอากาศละเมิดคำสั่ง คสช. พร้อมยึดเครื่องส่งกระจายเสียงรวม 6 เครื่อง

กสทช.ประสาน ทหาร ตำรวจ บุกยึดสถานีวิทยุ 3 แห่ง ออกอากาศละเมิดคำสั่ง คสช. พร้อมยึดเครื่องส่งกระจายเสียงรวม 6 เครื่อง ในเมืองพัทยา

นายเจษฎา สุขนิยม ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เขต 5 (จันทบุรี) พร้อมด้วย ร.ท.ขุนดง เพ็ชรไธสง ร้อย รส.ที่ 8 ฐานทัพเรือสัตหีบ นำกำลังทหารพร้อมหมายศาลเข้าตรวจสอบสถานีวิทยุรวม 4 แห่งในพื้นที่เมืองพัทยา ที่ละเมิดคำสั่ง คสช. และ กสทช. เพราะยังเปิดดำเนินการวิทยุกระจายเสียงอยู่

โดยจุดแรกเข้าตรวจสอบสถานีวิทยุช้างสยาม คลื่นความถี่เอฟเอ็ม 105.00 MHz. ตั้งอยู่เลขที่ 6/28 ริมถนนสุขุมวิท ตรงข้ามปากซอยพรประภานิมิตร หมู่ 9 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง มีนางฌณิชา สารทอง อายุ 41 ปี นำพาเข้าตรวจค้น จุดที่ 2 ตรวจสอบ บริษัท มังกรธุรกิจ จำกัด เลขที่ 20/15-16 ซอยเดย์ไนท์ พัทยาใต้ หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง เจ้าของคลื่นความถี่ 96.00 MHz. มีนายธนพงษ์ บยอร์นมาร์เทนโคลอฟ อายุ 23 ปี พาเข้าตรวจค้น และจุดที่ 3 เข้าตรวจสอบบริษัท ทิพย์มณีเคเบิลทีวี เลขที่ 263/92-93 ถนนชัยพฤกษ์ 2 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง คลื่นความถี่ 89.50 MHz. มี Mr.Sergey Petrushev อายุ 44 ปี สัญชาติรัสเซีย เจ้าของสถานี ที่มาเช่าเวลาจากทิพย์มณีเคเบิลทีวี เป็นผู้นำตรวจ โดยทั้ง 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดเครื่องกำเนิดความถี่ และเครื่องขยายกำลังส่งวิทยุ รวม 6 เครื่องไว้เป็นหลักฐาน

นายเจษฎา สุขนิยม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้สถานีวิทยุทั้ง 3 แห่ง ได้กระทำการละเมิดคำสั่ง คสช. และ กสทช. ที่ให้สถานีวิทยุทุกแห่งทั่วประเทศงดการกระจายเสียง ตามประกาศฉบับที่ 32 และฉบับที่ 66 เว้นแต่จะได้รับอนุญาต แต่จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 3 แห่ง ยังมีการเปิดกระจายเสียงอยู่ จึงนำกำลังเข้าตรวจยึดเครื่องกำเนิดความถี่และเครื่องขยายกำลังส่งวิทยุ ซึ่งสถานีวิทยุที่สามารถกระจายเสียงได้จะต้องผ่านหลักเกณฑ์การตรวจสอบของ กสทช. โดยจะมีหนังสือเชิญเจ้าของสถานีวิทยุไปทำหนังสือข้อตกลงเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ ถึงจะออกอากาศกระจายเสียงตามคลื่นความถี่นั้นๆ ได้ตามปกติ



ปริญญา/ข่าว/ภาพ

ชลบุรี จัดการประชุมขับเคลื่อนนโยบายปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัด

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557 นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ร่วมกับพล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 พลตำรวจตรี ธเนศ พิณเมืองงาม รองผู้บัญชาการตำรวจภาค 2 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และ  พลตรี รณกร  ดุลยรัตน์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชลบุรี ได้จัดการประชุมขับเคลื่อนนโยบายปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดชลบุรี ณ ห้องประชุมชลบุรี ชั้น3 ศาลกลางจังหวัดชลบุรี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมพร้อมเพียงกัน

นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย ในบ้านเมือง มีความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองอย่างรุนแรง ประชาชนเกิดความคิดต่าง แบ่งกลุ่ม แบ่งฝ่ายทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีนโยบายการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้ส่วนราชการดำเนินการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปขึ้น เพื่อปลูกฝังสำนึกรักสามัคคี และเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ นำความสงบสุขสู่สังคมและประเทศชาติได้โดยเร็ว

สำหรับจังหวัดชลบุรี ได้มอบหมายภารกิจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานราชการ ดำเนินการดังนี้ จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจจังหวัดชลบุรี เพื่อสนับสนุนการรักษาความสงบแห่งชาติ การชี้แจงทำความเข้าใจประชาสัมพันธ์ การจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) จังหวัดชลบุรี การป้องกันและปราบปรามการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อสถานบันสำคัญของชาติ การกวดขันห้ามเล่นการพนัน ส่งมอบอาวุธฯ ตรวจค้นอาวุธสงคราม ติดตาม ตรวจสอบกลุ่มทวงหนี้ชาวนาที่ไม่ชองด้วยกฎหมาย การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปราบปรามยาเสพติด การจัดระเบียบรถรับจ้างสาธารณะ (รถจักรยานยนต์ รถตู้ เป็นต้น) การตรวจสอบสถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาต การระงับการชุมชนต่อต้าน การจัดระเบียบสังคมสถานบริการ สถานประกอบการ หอพัก ร้านเกมส์ เป็นต้น ติดตามสถานการณ์ หาแนวทางปฏิบัติประจำวันและประชาสัมพันธ์ กรอบแนวทางการสร้างความปรองดองสมานฉันท์จังหวัดชลบุรี (Road Map) และแผนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์จังหวัดชลบุรี (Road Map)

นอกจากนี้ จังหวัดชลบุรี ได้มอบหมายให้อำเภอทุกอำเภอ ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูป โดยการจัดกิจกรรม “ชลบุรีปรองดองสมานฉันท์ เทิดทูนสถาบันรวมพลังต่อต้านยาเสพติด” ในวันที่ 26 มิถุนายน 2557 นี้



ปริญญา/ข่าว/ภาพ