กรมทรัพยากรน้ำ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาลุ่มน้ำภาคตะวันออกแบบบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องรับกับปัญหาในพื้นที่และตรงกับความต้องการของประชาชน
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 29 ก.ค.ที่โรงแรมโกลเด้นซิตี้ อ.เมืองระยอง ว่าที่พันตรี คมน์เดช ไชยชนะ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาลุ่มน้ำแบบบูรณาการในภาคตะวันออก ซึ่งจัดโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 6 จ.จันทบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย คณะทำงาน 7 ลุ่มน้ำสาขาภาคตะวันออก มีลุ่มน้ำสาขาชลบุรี – ลุ่มน้ำสาขาคลองใหญ่ระยอง – ลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำประแสร์ ระยอง – ลุ่มน้ำสาขาวังโตนดจันทบุรี – ลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำจันทบุรี – ลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำเวฬุจันทบุรี และลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำเมืองตราด นอกจากนี้ยังมีองค์กรหรือเครือข่าย หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อนำเสนอ / สรุปปัญหาและร่วมแสดงความคิดเห็นการจัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการระดับจังหวัด ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก ที่ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรีและตราด ว่าที่พันตรี คมเดชน์ ไชยชนะ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก กล่าวว่า ปัญหาเบื้องต้นที่พบส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งภาคประชาชนมีการตื่นตัวในการใช้ทรัพยากรน้ำและมีความรู้สึกในการแสดงความเป็นเจ้าของทรัพยากรน้ำ โดยภาพรวมแล้วน้ำจะเกิดขึ้นที่หนึ่งแล้วไหลไปอีกที่หนึ่ง แล้วสูบกลับมาใช้อีกที่หนึ่ง เช่น สูบน้ำจากจันทบุรีมาใช้ที่ระยอง น้ำที่ระยองส่งไปใช้ที่ชลบุรี จึงเกิดปัญหาด้านการใช้น้ำข้ามพื้นที่ ซึ่งลุ่มน้ำที่ทำงานร่วมกับภาคประชาชนต้องทำความเข้าใจว่า แหล่งน้ำต้องจัดแบ่งปันกันและใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และปัญหาอีก
อย่างที่ตามมาในเรื่องของทรัพยากรน้ำ คือ น้ำเน่าเสียจากทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและชุมชนที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรม ทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมและเกิดปัญหาในพื้นที่ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำได้เร่งทำความเข้าใจในด้านการดูแลน้ำ รักษาคุณภาพน้ำเพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะ ซึ่งในอนาคตอาจจะผลักดันให้มีการใช้กฎหมายการเก็บค่าน้ำจากปัญหาดังกล่าว
วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
จังหวัดระยอง จัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗
จังหวัดระยองจัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ จังหวัดระยองจัดการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ครั้งที่ ๗ /๒๕๕๗ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ เพื่อแจ้งข่าว ข้อรายงาน และชี้แจงข้อราชการ รวมทั้ง วาระงานที่สำคัญและน่าสนใจ
วันที่ ๓๐ ก.ค ๕๗ ที่ห้องประชุมภักดีศรีสงคราม ชั้น ๔ ศาลากลางจังหวัดระยอง นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในการประชุมประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนองค์กรภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมด้วยความพร้อมเพรียง โดยการประชุมเริ่มด้วยการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ครั้งที่ ๗/๒๕๕๗ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ เริ่มด้วยวาระเรื่องก่อนวาระการประชุม ได้แก่ พิธีมอบโลห์เกียรติคุณให้แก่ผู้ชนะการประกวดโปสเตอร์รณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี ๒๕๕๗ พิธีมอบธงสัญลักษณ์/ต้นไม้สติกเกอร์ให้แก่ ๘ อำเภอในจังหวัดระยอง แนะนำข้าราชการย้ายมาใหม่ นายนภดล อิสรางกูล ณ อยุธยา ธนารักษ์พื้นที่พิจิตร มาดำรงตำแหน่ง ธนารักษ์พื้นที่ระยอง นายสุรพล สุทธจินดา อุตสาหกรรมจังหวัดสุพรรณบุรี มาดำรงตำแหน่งอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง จากนั้น เป็นเรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ได้แก่ แนวทางการปฎิบัติในการปฎิบัติงานด้วย การทำความดีละเว้นความชั่ว ยึดศีล ๕ เป็นแนวทาง ต่อด้วยนำเสนอวิดีทัศน์รายงานสรุปข่าวเด่นการดำเนินงานของจังหวัดระยองประจำเดือนกรกฎาคม๒๕๕๗ ของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง หลังจากนั้น เป็นการรับรองรายงานการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ จบแล้ว เป็นเรื่องสืบเนื่องจากการประชุมครั้งก่อน ได้แก่ สถานการณ์ด้านอุตสาหกรรม สถานการณ์ด้านแรงงาน สถานการณ์การคลังและเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง สถานการณ์น้ำในจังหวัดระยองและการแก้ไขปัญหาของโครงการชลประทานระยอง และสถานการณ์ด้านมลพิษในจังหวัดระยอง จบแล้ว เป็นเรื่องเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ได้แก่ การจัดโครงการรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กและสังคมปลอดภัยไร้ความรุนแรงจังหวัดระยอง ๒๕๕๗ ในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๐๐ -๑๖.๐๐ น ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักงานอัยการจังหวัดระยอง และวันศุกร์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๐๐ -๑๒.๐๐ น ณ ห้องประชุมชั้น ๓ อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนมัธยมตากสินระยองระยอง เรื่องการจัดสัปดาห์รณรงค์นมแม่ ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ วัดบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง การกำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคล ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดระยอง และโครงการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ในวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๐๐ -๑๒.๐๐ น ณ โรงเรียนบ้านห้วงหิน หมู่ ๓ บ้านห้วงหิน ตำบลชากบก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง
โดยการประชุมประจำเดือนในครั้งนี้ นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการประสานการปฏิบัติราชการ การบูรณาการภารกิจหน้าที่และการสนับสนุนในการให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น ดังนั้น การพบปะและรับทราบ เพื่อทำความเข้าใจในนโยบายที่จะช่วยให้ส่วนราชการต่าง ๆ สามารถเข้าถึงและการประสานให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประชาชนมีความพึงพอใจ ต่อการมีส่วนร่วมและการรับบริการ เพื่อตอบสนองการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของจังหวัดระยองอีกด้วย
วันที่ ๓๐ ก.ค ๕๗ ที่ห้องประชุมภักดีศรีสงคราม ชั้น ๔ ศาลากลางจังหวัดระยอง นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในการประชุมประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนองค์กรภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมด้วยความพร้อมเพรียง โดยการประชุมเริ่มด้วยการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ครั้งที่ ๗/๒๕๕๗ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ เริ่มด้วยวาระเรื่องก่อนวาระการประชุม ได้แก่ พิธีมอบโลห์เกียรติคุณให้แก่ผู้ชนะการประกวดโปสเตอร์รณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี ๒๕๕๗ พิธีมอบธงสัญลักษณ์/ต้นไม้สติกเกอร์ให้แก่ ๘ อำเภอในจังหวัดระยอง แนะนำข้าราชการย้ายมาใหม่ นายนภดล อิสรางกูล ณ อยุธยา ธนารักษ์พื้นที่พิจิตร มาดำรงตำแหน่ง ธนารักษ์พื้นที่ระยอง นายสุรพล สุทธจินดา อุตสาหกรรมจังหวัดสุพรรณบุรี มาดำรงตำแหน่งอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง จากนั้น เป็นเรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ได้แก่ แนวทางการปฎิบัติในการปฎิบัติงานด้วย การทำความดีละเว้นความชั่ว ยึดศีล ๕ เป็นแนวทาง ต่อด้วยนำเสนอวิดีทัศน์รายงานสรุปข่าวเด่นการดำเนินงานของจังหวัดระยองประจำเดือนกรกฎาคม๒๕๕๗ ของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง หลังจากนั้น เป็นการรับรองรายงานการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ จบแล้ว เป็นเรื่องสืบเนื่องจากการประชุมครั้งก่อน ได้แก่ สถานการณ์ด้านอุตสาหกรรม สถานการณ์ด้านแรงงาน สถานการณ์การคลังและเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง สถานการณ์น้ำในจังหวัดระยองและการแก้ไขปัญหาของโครงการชลประทานระยอง และสถานการณ์ด้านมลพิษในจังหวัดระยอง จบแล้ว เป็นเรื่องเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ได้แก่ การจัดโครงการรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กและสังคมปลอดภัยไร้ความรุนแรงจังหวัดระยอง ๒๕๕๗ ในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๐๐ -๑๖.๐๐ น ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักงานอัยการจังหวัดระยอง และวันศุกร์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๐๐ -๑๒.๐๐ น ณ ห้องประชุมชั้น ๓ อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนมัธยมตากสินระยองระยอง เรื่องการจัดสัปดาห์รณรงค์นมแม่ ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ วัดบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง การกำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคล ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดระยอง และโครงการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ในวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๐๐ -๑๒.๐๐ น ณ โรงเรียนบ้านห้วงหิน หมู่ ๓ บ้านห้วงหิน ตำบลชากบก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง
โดยการประชุมประจำเดือนในครั้งนี้ นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการประสานการปฏิบัติราชการ การบูรณาการภารกิจหน้าที่และการสนับสนุนในการให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น ดังนั้น การพบปะและรับทราบ เพื่อทำความเข้าใจในนโยบายที่จะช่วยให้ส่วนราชการต่าง ๆ สามารถเข้าถึงและการประสานให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประชาชนมีความพึงพอใจ ต่อการมีส่วนร่วมและการรับบริการ เพื่อตอบสนองการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของจังหวัดระยองอีกด้วย
สวรส รูปแก้ว /ข่าว
จังหวัดระยอง เปิดศูนย์ดำรงธรรม ตามประกาศ คสช.เพื่อให้คำปรึกษา รับเรื่องปัญหาความต้องการ ข้อเสนอแนะของประชาชน
จังหวัดระยอง เปิดศูนย์ดำรงธรรม ตามประกาศ คสช.เพื่อให้คำปรึกษา รับเรื่องปัญหาความต้องการ ข้อเสนอแนะของประชาชน
วันนี้ (30ก.ค.57) เวลา 14.00 น นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง ตามประกาศ ของ คสช. พร้อมด้วยนายอำเภอทุกอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดระยอง
นายธานี กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีประกาศรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 96/2557 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานระดับจังหวัด และให้การปฎิบัติงานของส่วนราชการในจังหวัดสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเสมอภาค มีคุณภาพ รวดเร็ว ลดขั้นตอนการปฎิบัติงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้นในจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา รับเรื่องปัญหาความต้องการ ข้อเสนอแนะของประชาชน แบบ One Stop Service และทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการร่วมตามมาตรา 32 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ 25546 โดยจัดตั้งขึ้น ณ ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดระยอง โดยมีช่องทางการติดต่อดังนี้ ติดต่อด้วยตนเองที่ศูนย์ดำรงธรรม ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดระยอง ติดต่อทางโทรศัพท์และโทรสาร หมายเลข 038-694042 หรือติอต่อทางไปรษณีย์ถึง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง ศาลากลางจังหวัดระยอง ถนนสุขุมวิท ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 21150
วันนี้ (30ก.ค.57) เวลา 14.00 น นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง ตามประกาศ ของ คสช. พร้อมด้วยนายอำเภอทุกอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดระยอง
นายธานี กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีประกาศรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 96/2557 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานระดับจังหวัด และให้การปฎิบัติงานของส่วนราชการในจังหวัดสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเสมอภาค มีคุณภาพ รวดเร็ว ลดขั้นตอนการปฎิบัติงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้นในจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา รับเรื่องปัญหาความต้องการ ข้อเสนอแนะของประชาชน แบบ One Stop Service และทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการร่วมตามมาตรา 32 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ 25546 โดยจัดตั้งขึ้น ณ ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดระยอง โดยมีช่องทางการติดต่อดังนี้ ติดต่อด้วยตนเองที่ศูนย์ดำรงธรรม ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดระยอง ติดต่อทางโทรศัพท์และโทรสาร หมายเลข 038-694042 หรือติอต่อทางไปรษณีย์ถึง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง ศาลากลางจังหวัดระยอง ถนนสุขุมวิท ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 21150
สวรส /ข่าว
กองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายมหาสุรสิงหนาท(พัน ร.7) จ.ระยอง จัดงานพิธีวันสถาปนาครบรอบการก่อตั้งหน่วยปีที่ 43
กองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายมหาสุรสิงหนาท(พัน ร.7) จ.ระยอง จัดงานพิธีวันสถาปนาครบรอบการก่อตั้งหน่วยปีที่ 43
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 30 ก.ค.ที่กองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายมหาสุรสิงหนาท ต.ตะพง อ.เมืองระยอง น.ท.จักรณรงค์ เหมนิธิ ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายมหาสุรสิงหนาท (พัน ร.7) เป็นประธานในพิธีวันสถาปนากองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3ปีที่ 43 ที่ค่ายมหาสุรสิงหนาท (พัน ร.7) เพื่อให้กำลังพลและครอบครัวร่วมกันทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยนิพนธ์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ และมอบทุนการศึกษาให้บุตร ธิดากำลังพลด้วย โดยมี น.ท.นึกอนันต์ แสนอุบล อดีต ผู้บังคับการกองพันฯ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนโรงงานอุตสาหกรรม และประชาชนในพื้นที่ ร่วมในพิธีจำนวนมาก
น.ท.จักรณรงค์ เหมนิธิ ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน กล่าวว่า ปัจจุบันค่ายมหาสุรสิงหนาท (พัน.ร.7) มีกำลังพลประมาณ 500 นาย ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2514 ปัจจุบันกำลังพลทหารได้สลับผลัดเปลี่ยนออกไปราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้มีความสงบสุข ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจหลักของทหารหน่วยนาวิกโยธิน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 30 ก.ค.ที่กองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายมหาสุรสิงหนาท ต.ตะพง อ.เมืองระยอง น.ท.จักรณรงค์ เหมนิธิ ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายมหาสุรสิงหนาท (พัน ร.7) เป็นประธานในพิธีวันสถาปนากองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3ปีที่ 43 ที่ค่ายมหาสุรสิงหนาท (พัน ร.7) เพื่อให้กำลังพลและครอบครัวร่วมกันทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยนิพนธ์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ และมอบทุนการศึกษาให้บุตร ธิดากำลังพลด้วย โดยมี น.ท.นึกอนันต์ แสนอุบล อดีต ผู้บังคับการกองพันฯ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนโรงงานอุตสาหกรรม และประชาชนในพื้นที่ ร่วมในพิธีจำนวนมาก
น.ท.จักรณรงค์ เหมนิธิ ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน กล่าวว่า ปัจจุบันค่ายมหาสุรสิงหนาท (พัน.ร.7) มีกำลังพลประมาณ 500 นาย ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2514 ปัจจุบันกำลังพลทหารได้สลับผลัดเปลี่ยนออกไปราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้มีความสงบสุข ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจหลักของทหารหน่วยนาวิกโยธิน
วฐิต กลางนอก/ข่าว
สมาคมเคมีแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ของศาตราจารย์ด๊อกเตอร์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ร่วมกับกลุ่มโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จัดกิจกรรมติดตามและประเมินผลโครงการห้องเรียนเคมีดาว
สมาคมเคมีแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ของศาตราจารย์ด๊อกเตอร์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ร่วมกับกลุ่มโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จัดกิจกรรมติดตามและประเมินผลโครงการห้องเรียนเคมีดาว เพิ่มศักยภาพครูวิทยาศาสตร์ในพื้นที่จังหวัดระยอง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 ก.ค. ที่โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งสมาคมเคมีแห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ของศาตราจารย์ด๊อกเตอร์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ร่วมกับกลุ่มบริษัทดาว เคมิคอล ประเทศไทย จัดกิจกรรมติดตามและประเมินผลโครงการห้องเรียนเคมีดาว เพิ่มศักยภาพครูวิทยาศาสตร์ในพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อติดตามและประเมินผลการเรียนการสอนปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วน ภายใต้โครงการห้องเรียนเคมีดาว เพื่อสร้างความตื่นตัวและติดตามผลการนำเทคนิคการทำการทดลองที่ใช้สารเคมีปริมาณน้อยมาใช้ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ซึ่งมีความปลอดภัย ประหยัด สะดวกรวดเร็ว และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สำหรับการติดตามและประเมินผลโครงการ ห้องเรียนเคมีดาว เป็นการดำเนินงานในระยะที่ 3 โดยคณะทำงานมุ่งเน้นการสร้างศักยภาพการสอนปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนของครูวิทยาศาสตร์ที่เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ ของ 21 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพการเรียนการสอนในเบื้องต้นว่าครูผู้สอนได้มีการนำความรู้และเทคนิคจากการเข้าอบรมมาประยุกต์ใช้ หรือพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเนื้อหาวิชาของแต่ละระดับชั้นหรือไม่ รวมถึงช่วยกระตุ้นครูผู้สอนให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนอันจะนำไปสูการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นอนาคตของวงการวิทยาศาสตร์ไทย อย่างไรก็ดี โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยาถือเป็น 1 ใน 21 โรงเรียนนำร่องของจังหวัดระยอง ที่มีครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมโครงการห้องเรียนเคมีดาว ได้เรียนรู้เทคนิคการสอนการทดลองเคมีรูปแบบใหม่และนำมาขยายผลโดยการเสริมในเนื้อหาวิชาและกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในห้องเรียน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 ก.ค. ที่โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งสมาคมเคมีแห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ของศาตราจารย์ด๊อกเตอร์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ร่วมกับกลุ่มบริษัทดาว เคมิคอล ประเทศไทย จัดกิจกรรมติดตามและประเมินผลโครงการห้องเรียนเคมีดาว เพิ่มศักยภาพครูวิทยาศาสตร์ในพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อติดตามและประเมินผลการเรียนการสอนปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วน ภายใต้โครงการห้องเรียนเคมีดาว เพื่อสร้างความตื่นตัวและติดตามผลการนำเทคนิคการทำการทดลองที่ใช้สารเคมีปริมาณน้อยมาใช้ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ซึ่งมีความปลอดภัย ประหยัด สะดวกรวดเร็ว และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สำหรับการติดตามและประเมินผลโครงการ ห้องเรียนเคมีดาว เป็นการดำเนินงานในระยะที่ 3 โดยคณะทำงานมุ่งเน้นการสร้างศักยภาพการสอนปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนของครูวิทยาศาสตร์ที่เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ ของ 21 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพการเรียนการสอนในเบื้องต้นว่าครูผู้สอนได้มีการนำความรู้และเทคนิคจากการเข้าอบรมมาประยุกต์ใช้ หรือพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเนื้อหาวิชาของแต่ละระดับชั้นหรือไม่ รวมถึงช่วยกระตุ้นครูผู้สอนให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนอันจะนำไปสูการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นอนาคตของวงการวิทยาศาสตร์ไทย อย่างไรก็ดี โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยาถือเป็น 1 ใน 21 โรงเรียนนำร่องของจังหวัดระยอง ที่มีครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมโครงการห้องเรียนเคมีดาว ได้เรียนรู้เทคนิคการสอนการทดลองเคมีรูปแบบใหม่และนำมาขยายผลโดยการเสริมในเนื้อหาวิชาและกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในห้องเรียน
วฐิต/ข่าว
ผู้ปกครองโวยครูสอนวิทยาศาสตร์ ทำอนาจารลูกสาว ซึ่งเป็นลูกศิษย์เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้ปกครองโวยครูสอนวิทยาศาสตร์ ทำอนาจารลูกสาว ซึ่งเป็นลูกศิษย์เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จนไม่กล้าไปโรงเรียน เบื้องต้นเตรียมเข้าแจ้งความกับตำรวจเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หลังพบว่าเพื่อนนักเรียนหญิงร่วมชั้น ถูกทำอนาจารยกห้อง ด้านผู้อำนวยการโรงเรียน ระบุ หลังเกิดเรื่องครูสอนวิทยาศาสตร์ ยื่นลาออกแล้ว
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2557 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางไก่ (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ม.5 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง ว่าลูกสาวเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ใน อ.แกลง จ.ระยอง ถูกครูผู้ชาย ซึ่งเป็นครูประจำชั้น สอนวิชาวิทยาศาสตร์ทำอนาจาร โดยนางไก่ เล่าว่า ลูกสาวถูกครูคนดังกล่าว กระทำอนาจารหลายครั้งด้วยกัน โดยใช้มือจับหน้าอก และอวัยวะเพศ จนไม่กล้าไปโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีเพื่อนนักเรียนหญิงในห้องอีกหลายคนด้วยกันเรียกได้ว่ายกห้องเรียนเลยทีเดียว ถูกครูกระทำอนาจารเช่นกัน หลังเกิดเหตุตนและผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่ถูกทำอนาจาร ได้ไปแจ้งให้ทางโรงเรียนสอบสวนในเรื่องนี้ กลับมีครูในโรงเรียนมาพูดคุยเจรจาไม่ให้เอาเรื่อง เพราะเกรงว่าโรงเรียนจะเสียชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) ได้เตรียมเข้าแจ้งความกับตำรวจเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแล้ว ด้านนายแสวง(นามสมมติ)
ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า หลังผู้ปกครองเด็กนักเรียน มาร้องเรียน ก็ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนครูคนดังกล่าวไป และตั้งกรรมการสอบสวน พบว่าการร้องเรียนมีมูลความจริง จึงได้สั่งให้หยุดการสอน โดยให้เซ็นชื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมกับส่งเรื่องไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2 ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนทางวินัย อย่างไรก็ตามครูคนดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือลาออกแล้ว
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2557 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางไก่ (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ม.5 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง ว่าลูกสาวเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ใน อ.แกลง จ.ระยอง ถูกครูผู้ชาย ซึ่งเป็นครูประจำชั้น สอนวิชาวิทยาศาสตร์ทำอนาจาร โดยนางไก่ เล่าว่า ลูกสาวถูกครูคนดังกล่าว กระทำอนาจารหลายครั้งด้วยกัน โดยใช้มือจับหน้าอก และอวัยวะเพศ จนไม่กล้าไปโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีเพื่อนนักเรียนหญิงในห้องอีกหลายคนด้วยกันเรียกได้ว่ายกห้องเรียนเลยทีเดียว ถูกครูกระทำอนาจารเช่นกัน หลังเกิดเหตุตนและผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่ถูกทำอนาจาร ได้ไปแจ้งให้ทางโรงเรียนสอบสวนในเรื่องนี้ กลับมีครูในโรงเรียนมาพูดคุยเจรจาไม่ให้เอาเรื่อง เพราะเกรงว่าโรงเรียนจะเสียชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) ได้เตรียมเข้าแจ้งความกับตำรวจเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแล้ว ด้านนายแสวง(นามสมมติ)
ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า หลังผู้ปกครองเด็กนักเรียน มาร้องเรียน ก็ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนครูคนดังกล่าวไป และตั้งกรรมการสอบสวน พบว่าการร้องเรียนมีมูลความจริง จึงได้สั่งให้หยุดการสอน โดยให้เซ็นชื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมกับส่งเรื่องไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2 ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนทางวินัย อย่างไรก็ตามครูคนดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือลาออกแล้ว
มาโนช สนองสุข-ข่าว
เรือหลวงกันตัง ช่วยชีวิต 2 สามี ภรรยา ชาวประมงรอดตายหวุดหวิด หลังเรือล่มกลางทะเลต้องเกาะถังน้ำมันลอยคอกลางทะเลกว่า 2 ชั่วโมง
(29 ก.ค. 57) ร.อ.พรเทพ ปาลรัตน์ ผู้บังคับการเรือหลวงกันตัง 524 ได้นำเรือหลวงกันตัง 524 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารกลับจากการปฏิบัติหน้าที่จากพื้นที่บ้านบางเป้า ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด ขณะที่แล่นเรืออ้อมเกาะช้างมุ่งหน้ากลับฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด มีคลื่นลมแรงและมีฝนตกลงมาเป็นระยะ เมื่อแล่นเรือมาถึงบริเวณบ้านสลักห่างจากชายฝั่งประมาณ 4 กิโลเมตร พบผู้ลอยคออยู่กลางทะเลโบกมือขอความช่วยเหลืออยู่ในน้ำกลางทะเลจำนวน 2 ราย เป็นชาย 1 ราย และหญิง 1 ราย โดยทั้ง 2 ราย ว่ายน้ำลอยคอเกาะถังน้ำมัน 20 ลิตร ท่ามกลางคลื่นลมที่แรง เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นจึงได้ทำการหยุดแล่นเรือและรีบให้การช่วยเหลือ โดยได้มัดเชือกเข้ากับห่วงยางก่อนโยนไปให้ผู้ประสบเหตุทั้ง 2 ราย ใช้เวลาประมาณ 5 นาที สามารถช่วยผู้ประสบภัยทั้ง 2 รายขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ
จากการสอบถามทราบชื่อผู้ประสบภัย คือ นายสมยศ ขันนาค อายุ 45 ปี และ นางสายใจ ขันนาค อายุ 37 ปี ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 15/4 ม.3 ต.หาดเล็ก ต.คลองใหญ่ จ.ตราด เป็นสามีภรรยากัน หลังจากที่ช่วยชีวิต 2 สามีภรรยาเสร็จทั้งคู่อยู่ในอาการหนาวสั่นและอ่อนเพลีย ร.อ. ประสิทธิ์ ชำนาญจันทร์ นายแพทย์ประจำเรือได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อคลายความหนาว
สอบถาม นาย สมยศ ขันนาค เล่าว่า ตนและภรรยามีอาชีพประมงเรือเล็ก วันนี้ได้ออกมาวางอวนหาปลาบริเวณทะเลหน้าเกาะช้างห่างจากฝั่งประมาณ 5 กิโลเมตร หลังจากที่วางอวนเสร็จก็ได้แล่นเรือตระเวนเก็บอวนขณะที่กำลังเก็บอวนอยู่นั้นได้มีลมพายุฝนตกลงมาทำให้มีคลื่นแรง ตนและภรรยาพยายามขับเรือแล่นเข้าฝั่ง จะไปหลบลมพายุที่บริเวณหลังเกาะสลัก ขณะที่แล่นเรืออยู่คลื่นได้มีขนาดใหญ่ขึ้นและซัดเข้าใส่เรือน้ำทะเลไหลทะลักเข้าเรือจนทำให้เรือจมลง ตนและภรรยาต้องว่ายน้ำลอยคอโดยอาศัยถังน้ำมันพลาสติกขนาด 20 ลิตร เกาะลอยคอนานกว่า 2 ชั่วโมง จนมีเรือหลวงกันตัง 524 มาพบและช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ซึ่งหากไม่มีเรือรบหลวงแล่นผ่านมาพบ ตนคิดว่า ตนเองและภรรยาคงจะต้องจมน้ำเสียชีวิตแน่นอน เพราะภรรยาของตนเริ่มจะหมดแรงแล้ว โชคดีที่มีเรือหลวงมาพบก่อน จากนั้น ร.อ.พรเทพ ปาลรัตน์ ผู้บังคับการเรือหลวง กันตัง 524 ได้พาสามี ภรรยา ทั้ง 2 ราย นั่งเรือไปขึ้นฝั่งที่ ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ พร้อมรายงานให้ น.อ. อนุชา บุตรสิงขรณ์ ผบ.มชด./1 ทราบ พร้อมทั้งจัดเตรียมรถพยาบาลเพื่อนำผู้ประสบภัยทั้ง 2 ราย ส่งตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแหลมงอบต่อไป
จากการสอบถามทราบชื่อผู้ประสบภัย คือ นายสมยศ ขันนาค อายุ 45 ปี และ นางสายใจ ขันนาค อายุ 37 ปี ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 15/4 ม.3 ต.หาดเล็ก ต.คลองใหญ่ จ.ตราด เป็นสามีภรรยากัน หลังจากที่ช่วยชีวิต 2 สามีภรรยาเสร็จทั้งคู่อยู่ในอาการหนาวสั่นและอ่อนเพลีย ร.อ. ประสิทธิ์ ชำนาญจันทร์ นายแพทย์ประจำเรือได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อคลายความหนาว
สอบถาม นาย สมยศ ขันนาค เล่าว่า ตนและภรรยามีอาชีพประมงเรือเล็ก วันนี้ได้ออกมาวางอวนหาปลาบริเวณทะเลหน้าเกาะช้างห่างจากฝั่งประมาณ 5 กิโลเมตร หลังจากที่วางอวนเสร็จก็ได้แล่นเรือตระเวนเก็บอวนขณะที่กำลังเก็บอวนอยู่นั้นได้มีลมพายุฝนตกลงมาทำให้มีคลื่นแรง ตนและภรรยาพยายามขับเรือแล่นเข้าฝั่ง จะไปหลบลมพายุที่บริเวณหลังเกาะสลัก ขณะที่แล่นเรืออยู่คลื่นได้มีขนาดใหญ่ขึ้นและซัดเข้าใส่เรือน้ำทะเลไหลทะลักเข้าเรือจนทำให้เรือจมลง ตนและภรรยาต้องว่ายน้ำลอยคอโดยอาศัยถังน้ำมันพลาสติกขนาด 20 ลิตร เกาะลอยคอนานกว่า 2 ชั่วโมง จนมีเรือหลวงกันตัง 524 มาพบและช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ซึ่งหากไม่มีเรือรบหลวงแล่นผ่านมาพบ ตนคิดว่า ตนเองและภรรยาคงจะต้องจมน้ำเสียชีวิตแน่นอน เพราะภรรยาของตนเริ่มจะหมดแรงแล้ว โชคดีที่มีเรือหลวงมาพบก่อน จากนั้น ร.อ.พรเทพ ปาลรัตน์ ผู้บังคับการเรือหลวง กันตัง 524 ได้พาสามี ภรรยา ทั้ง 2 ราย นั่งเรือไปขึ้นฝั่งที่ ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ พร้อมรายงานให้ น.อ. อนุชา บุตรสิงขรณ์ ผบ.มชด./1 ทราบ พร้อมทั้งจัดเตรียมรถพยาบาลเพื่อนำผู้ประสบภัยทั้ง 2 ราย ส่งตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแหลมงอบต่อไป
สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ตราด พัฒนาศักยภาพเครือข่ายการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดกฎหมายในกลุ่มประเทศอาเซียน
(29 ก.ค. 57) นายพยัคฆพันธุ์ โพธิ์แก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการส่งเสริมเครือข่ายการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดกฎหมายในกลุ่มประเทศอาเซียน ปีงบประมาณ 2557 ซึ่งจังหวัดตราดโดยสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด จัดขึ้นที่ห้องประชุม อาคารบูรณาการกระทรวงยุติธรรมจังหวัดตราด มีผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรมในจังหวัดตราด ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชนกว่า 55 คนเข้าร่วมโครงการครั้งนี้
นางจินนารี ธนพรภิบาลชน ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด กล่าวว่า ตามที่ในปี 2558 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้เห็นควรให้มีแนวทางในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนขึ้น เพื่อเป็นการับรองการปฏิบัติงานต่อเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดกฎหมายในกลุ่มประเทศอาเซียน ให้ได้รับการสงเคราะห์และคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสภาพปัญหา ตลอดจนพัฒนาแนวทางการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดกฎหมาย ทั้งเด็กไทยและเด็กที่ไม่เข้าใจภาษาไทย เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกันตามสิทธิที่มีกฎหมายบัญญัติรับรอง ดังนั้นเพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือในการดำเนินการสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในกลุ่มประเทศอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด จึงจัดโครงการปะชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้มีส่วนร่วมจัดทำแนวทางในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมต่อไป
นางจินนารี ธนพรภิบาลชน ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด กล่าวว่า ตามที่ในปี 2558 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้เห็นควรให้มีแนวทางในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนขึ้น เพื่อเป็นการับรองการปฏิบัติงานต่อเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดกฎหมายในกลุ่มประเทศอาเซียน ให้ได้รับการสงเคราะห์และคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสภาพปัญหา ตลอดจนพัฒนาแนวทางการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดกฎหมาย ทั้งเด็กไทยและเด็กที่ไม่เข้าใจภาษาไทย เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกันตามสิทธิที่มีกฎหมายบัญญัติรับรอง ดังนั้นเพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือในการดำเนินการสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในกลุ่มประเทศอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดตราด จึงจัดโครงการปะชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้มีส่วนร่วมจัดทำแนวทางในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมต่อไป
โรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม จ.ตราด จัดค่ายภาษาจีน มุ่งส่งเสริมการใช้ภาษาจีนเพื่อการท่องเที่ยวและธุรกิจให้เยาวชน
(30 ก.ค. 57) ที่โรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม นายบุญเลิศ วรวงษ์ ปลัดอำเภอคลองใหญ่ เป็นประธานเปิดโครงการเข้าค่ายภาษาจีน มีคณะอาจารย์สอนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีฮวายฉิวและมูลนิธีจี้ฮว่าร่วมเป็นวิทยากร โดยการอบรมครั้งนี้มีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 80 คนเข้าร่วม
นายสำเนา บุญมาก ผู้อำนวยการโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม กล่าวว่า การจัดค่ายอบรมภาษาจีนในครั้งนี้ สืบเนื่องจากโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคมได้ทำข้อตกลงร่วมกันกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ฮวายฉิวและมูลนิธีจี้ฮว่า ประเทศสาธารณะรัฐไต้หวัน เพื่อความร่วมมือทางด้านการศึกษาและการสร้างความสัมพันธ์อันดี เพื่อส่งเสริมทักษะภาษาจีนให้กับนักเรียนโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม รวมทั้งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความทัดเทียมอารยประเทศ จึงได้ร่วมกันจัดค่ายภาษาจีนให้กับนักเรียนที่มีความสนใจ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงอัจริยภาพและความสนใจของตนเองในภาษาจีน ซึ่งในการอบรมนักเรียนจะได้ประสบการณ์ตรงจากการสื่อสารกับเจ้าของภาษา และสามารถสื่อความคิดผ่านการพูด การเขียน หรือการนำเสนอด้วยวิธีต่าง ๆ ที่สำคัญคือนักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน
นายสำเนา บุญมาก ผู้อำนวยการโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม กล่าวว่า การจัดค่ายอบรมภาษาจีนในครั้งนี้ สืบเนื่องจากโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคมได้ทำข้อตกลงร่วมกันกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ฮวายฉิวและมูลนิธีจี้ฮว่า ประเทศสาธารณะรัฐไต้หวัน เพื่อความร่วมมือทางด้านการศึกษาและการสร้างความสัมพันธ์อันดี เพื่อส่งเสริมทักษะภาษาจีนให้กับนักเรียนโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม รวมทั้งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความทัดเทียมอารยประเทศ จึงได้ร่วมกันจัดค่ายภาษาจีนให้กับนักเรียนที่มีความสนใจ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงอัจริยภาพและความสนใจของตนเองในภาษาจีน ซึ่งในการอบรมนักเรียนจะได้ประสบการณ์ตรงจากการสื่อสารกับเจ้าของภาษา และสามารถสื่อความคิดผ่านการพูด การเขียน หรือการนำเสนอด้วยวิธีต่าง ๆ ที่สำคัญคือนักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน
อบจ.ตราด ร่วมนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิค และผู้ต้องขังเรือนจำชั่วคราวเขาระกำ แก้ปัญหาหลังคาอัฒจันทร์สนามกีฬากลางจังหวัดตราดพังจากอิทธิพลของพายุ รับการแข่งขันฟุตบอลดีวิชั่น 1 ตราดเอฟซี เสาร์นี้
จากกรณีที่เกิดพายุหมุนในพื้นที่อำเภอเมืองตราด ส่งผลให้หลังคาอัฒจันทร์ฝั่งกระถางคบเพลิงสนามกีฬากลางจังหวัดตราด ที่เป็นหลังคาเมทัลชีทพร้อมด้วยโครงเหล็กหลังคาพังถล่มลงมาทั้งแถบเหตุเกิดเมื่อวันนที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา วันนี้ (30 ก.ค. 57) ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด โดยกองช่าง อบจ.ตราด ได้ระดมความร่วมมือโดยขอทางให้คณะอาจารย์ นักศึกษาภาควิชาก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคตราด ร่วมกันแก้ไขปัญหา ในขณะที่เรือนจำชั่วคราวเขาระกำได้ส่งผู้ต้องขัง เข้ามาช่วยดำเนินการรื้อถอนซากหลังคาดังกล่าวให้ สนามกีฬาแห่งนี้มีความพร้อมในการแข่งขันฟุตบอลดีวีชั่น 1 ในสุดสัปดาห์นี้
นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด กล่าวว่า ทาง อบจ.ตราดได้ระดมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวซึ่งส่งผลกระทบต่อตู้ควบคุมระบบกระแสไฟฟ้าส่งสว่างภายในสนามด้วย ดังนั้นในวันเสาร์นี้ที่ฟุตบอลดีวิชั่น 1 มีโปรแกรมการแข่งขันที่ทีมตราด เอฟซี จะต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมพิษณุโลก ทีเอสวาย ทางสโมสรตราดเอฟซีได้ทำเรื่องไปยัง ทีพีแอล ในการขอเลื่อนเวลาการแข่งขันจากเวลา 18.00 น. มาเป็นเวลา 16.00 น. แล้ว เนื่องจากปัญหาด้านระบบแสงสว่าง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้กองเชียร์ตราดเอฟซีเดินทางมาชมการแข่งขันในช่วงเวลาดังกล่าว
นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด กล่าวว่า ทาง อบจ.ตราดได้ระดมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวซึ่งส่งผลกระทบต่อตู้ควบคุมระบบกระแสไฟฟ้าส่งสว่างภายในสนามด้วย ดังนั้นในวันเสาร์นี้ที่ฟุตบอลดีวิชั่น 1 มีโปรแกรมการแข่งขันที่ทีมตราด เอฟซี จะต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมพิษณุโลก ทีเอสวาย ทางสโมสรตราดเอฟซีได้ทำเรื่องไปยัง ทีพีแอล ในการขอเลื่อนเวลาการแข่งขันจากเวลา 18.00 น. มาเป็นเวลา 16.00 น. แล้ว เนื่องจากปัญหาด้านระบบแสงสว่าง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้กองเชียร์ตราดเอฟซีเดินทางมาชมการแข่งขันในช่วงเวลาดังกล่าว
จ.ตราด ติดตามการดำเนินงาน ตามบันทึกความร่วมมือ “เมืองตราดสุขภาพดี”
(30 ก.ค. 57) นายณรงค์ ธีรจันทรางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวระหว่างการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามบันทึกความร่วมมือ "เมืองตราดสุขภาพดี” ว่า ตามที่จังหวัดตราดโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ "เมืองตราดสุขภาพดี” กับหน่วยงานต่าง ๆ มาแล้ว จึงได้มีการติดตามข้อมูลปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประชาชนในจังหวัดตราด รวมทั้งปรับแนวทางการดำเนินงานเพื่อนำไปสู่แผนการดำเนินงานเมืองตราดสุขภาพดีให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้จากข้อมูลด้านสุขภาพของจังหวัดตราด พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตอันดับแรกของประชาชนในจังหวัดตราด คือ โรคมะเร็ง พบว่าเพศชายป่วยเป็นมะเร็งตับมากที่สุด รองลงมาคือ มะเร็งช่องปาก และลำคอ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมาก และอวัยวะเพศชาย ส่วนเพศหญิง ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มากที่สุด รองลงมาคือ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด และมะเร็งตับตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประชาชนในจังหวัดตราดอีกด้านหนึ่ง คือมะเร็งตับ เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด บี และวี ภาวะตับแข็ง การดื่มสุรา ไขมันพอกตับ จากภาวะอ้วน การรับประทานอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น ถั่วลิสงบดที่มีสารอะฟลาทอกซิน ปลาเค็ม กุนเชียง ไส้กรอก ที่มักพบสารไนโตรซามีน และการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ส่วนมะเร็งปอด มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และวัณโรคปอด ทั้งนี้ที่ประชุมได้หารือถึงการป้องกันควบคุมโรคมะเร็งตับ มะเร็งปอด ส่งเสริมให้ประชาชนฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเด็กแรก และส่งเสริมลดภาวะโรคอ้วน ลดการดื่มสุรา และสูบบุหรี่ หลังการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ข้อมูลและรับทราบบทบาทที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพให้กับประชาชนจังหวัดตราดได้อย่างถูกต้องเหาะสมและยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้จากข้อมูลด้านสุขภาพของจังหวัดตราด พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตอันดับแรกของประชาชนในจังหวัดตราด คือ โรคมะเร็ง พบว่าเพศชายป่วยเป็นมะเร็งตับมากที่สุด รองลงมาคือ มะเร็งช่องปาก และลำคอ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมาก และอวัยวะเพศชาย ส่วนเพศหญิง ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มากที่สุด รองลงมาคือ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด และมะเร็งตับตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประชาชนในจังหวัดตราดอีกด้านหนึ่ง คือมะเร็งตับ เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด บี และวี ภาวะตับแข็ง การดื่มสุรา ไขมันพอกตับ จากภาวะอ้วน การรับประทานอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น ถั่วลิสงบดที่มีสารอะฟลาทอกซิน ปลาเค็ม กุนเชียง ไส้กรอก ที่มักพบสารไนโตรซามีน และการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ส่วนมะเร็งปอด มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และวัณโรคปอด ทั้งนี้ที่ประชุมได้หารือถึงการป้องกันควบคุมโรคมะเร็งตับ มะเร็งปอด ส่งเสริมให้ประชาชนฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเด็กแรก และส่งเสริมลดภาวะโรคอ้วน ลดการดื่มสุรา และสูบบุหรี่ หลังการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ข้อมูลและรับทราบบทบาทที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพให้กับประชาชนจังหวัดตราดได้อย่างถูกต้องเหาะสมและยั่งยืนต่อไป
จ.ตราด เปิดเวทีสัมมนาโครงการจัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ระดับจังหวัดตราด
(30 ก.ค. 57) นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดเวทีการประชุมสัมมนาระดับจังหวัด ครั้งที่ 2 โครงการจัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการจังหวัดตราด มีหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนผู้แทนภาคประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม ที่ห้องประชุมพลอยแดง ศาลากลางจังหวัดตราด
ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า การจัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ จังหวัดตราด เกิดจากการที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นชอบให้จังหวัด เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินการโครงการรับผิดชอบดำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการเสนอขอรับงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปี 2557 ถึงปี 2560 เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งของจังหวัด ซึ่งการมอบหมายให้จังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการโครงการ เนื่องจากเป็นหน่วยงานในพื้นที่ที่ใกล้ชิด สามารถรับทราบปัญหาและความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง ตลอดจนเห็นวาหน่วยงานจงหวัดมีความคล่องตัว มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินงานโครงการดังกล่าวในพื้นที่แต่ละจังหวัดให้แล้วได้ในปีงบประมาณที่กำหนด การประชุมสัมมนาระดับจังหวัดครั้งที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปแผนบูรณาการการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง การกัดเซาะชายฝั่ง และคุณภาพน้ำของจังหวัด อันประกอบไปด้วยโครงการที่จะแก้ไขปัญหาของพื้นที่ที่ทุกส่วนราชการใช้เป็นแผนในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ โดยแต่ละโครงการะกำหนดชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพประหยัด และไม่ซ้ำซ้อน ทั้งนี้เพื่อนำข้อมูลสรุปและข้อคิดเห็นจากที่ประชุมนำไปปรับปรุงแผนบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง การกัดเซาะชาฝั่ง และคุณภาพน้ำของจังหวัดตราดต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า การจัดทำแผนบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ จังหวัดตราด เกิดจากการที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นชอบให้จังหวัด เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินการโครงการรับผิดชอบดำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการเสนอขอรับงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปี 2557 ถึงปี 2560 เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งของจังหวัด ซึ่งการมอบหมายให้จังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการโครงการ เนื่องจากเป็นหน่วยงานในพื้นที่ที่ใกล้ชิด สามารถรับทราบปัญหาและความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง ตลอดจนเห็นวาหน่วยงานจงหวัดมีความคล่องตัว มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินงานโครงการดังกล่าวในพื้นที่แต่ละจังหวัดให้แล้วได้ในปีงบประมาณที่กำหนด การประชุมสัมมนาระดับจังหวัดครั้งที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปแผนบูรณาการการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง การกัดเซาะชายฝั่ง และคุณภาพน้ำของจังหวัด อันประกอบไปด้วยโครงการที่จะแก้ไขปัญหาของพื้นที่ที่ทุกส่วนราชการใช้เป็นแผนในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ โดยแต่ละโครงการะกำหนดชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพประหยัด และไม่ซ้ำซ้อน ทั้งนี้เพื่อนำข้อมูลสรุปและข้อคิดเห็นจากที่ประชุมนำไปปรับปรุงแผนบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง การกัดเซาะชาฝั่ง และคุณภาพน้ำของจังหวัดตราดต่อไป
จังหวัดจันทบุรีขอเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนร่วมพิธีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2557
จังหวัดจันทบุรีขอเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนร่วมพิธีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2557
นายธเนศ เธียรนันทน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีกล่าวว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 จังหวัดจันทบุรีกำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ในวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2557 ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เทศบาลเมืองจันทบุรี ( ศาลากระต่าย ) ช่วงเช้า เวลา 07.00 น.เป็นพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระภิกษุสงฆ์จำนวน 83 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลฯ หลังจากนั้นจะเป็นพิธีถวายพระพรชัยมงคล ถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติฯ
ส่วนภาคค่ำ ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ที่ ศาลาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เทศบาลเมืองจันทบุรี ( ศาลากระต่าย ) ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายสามารถ ลอยฟ้า จะนำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มพลังมวลชน นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน ร่วมในพิธีถวายเครื่องราชสักการะพานพุ่มเงิน – พุ่มทอง และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล
จังหวัดจันทบุรีจึงขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เทศบาลเมืองจันทบุรีโดยพร้อมเพรียงกัน และขอเชิญประชาชนร่วมประดับตกแต่งธงชาติและธงตราสัญลักษณ์ ตามหน่วยงาน อาคารบ้านเรือน ร้านค้า บริษัท ตลอดจนงดเว้นอบายมุข การเล่นการพนัน การฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ
นายธเนศ เธียรนันทน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีกล่าวว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 จังหวัดจันทบุรีกำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ในวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2557 ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เทศบาลเมืองจันทบุรี ( ศาลากระต่าย ) ช่วงเช้า เวลา 07.00 น.เป็นพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระภิกษุสงฆ์จำนวน 83 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลฯ หลังจากนั้นจะเป็นพิธีถวายพระพรชัยมงคล ถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติฯ
ส่วนภาคค่ำ ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ที่ ศาลาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เทศบาลเมืองจันทบุรี ( ศาลากระต่าย ) ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายสามารถ ลอยฟ้า จะนำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มพลังมวลชน นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน ร่วมในพิธีถวายเครื่องราชสักการะพานพุ่มเงิน – พุ่มทอง และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล
จังหวัดจันทบุรีจึงขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เทศบาลเมืองจันทบุรีโดยพร้อมเพรียงกัน และขอเชิญประชาชนร่วมประดับตกแต่งธงชาติและธงตราสัญลักษณ์ ตามหน่วยงาน อาคารบ้านเรือน ร้านค้า บริษัท ตลอดจนงดเว้นอบายมุข การเล่นการพนัน การฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ
จรัล บรรยงคเสนา /ภาพ/ข่าว ( 30 ก.ค.57 )
ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจข่าว
ท.เมืองจันท์เร่งแก้ปัญหาจราจรติดขัดชั่วโมงเร่งด่วนหน้าสถานศึกษา
เทศบาลเมืองจันทบุรี ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองจั นทบุรี จัดระเบียบการจอดรถรับส่งนั กเรียนแก้ปัญหาการจราจรติดขั ดในชั่วโมงเร่งด่วน
ภายในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาต่าง ๆ ทั้งระดับประถม และมัธยม ที่ผ่านมามีปัญหารถติดขัดเนื่องจากผู้ปกครองนำรถส่วนตัวรับส่งบุตรหลาน รวมทั้งรถรับส่งนักเรียนประจำที่จะเข้ามาส่งเด็กนักเรียนตามสถานศึกษา 4 โรงเรียน โรงเรียนเบญจมราชูทิศ โรงเรียนศรียานุสรณ์ โรงเรียนอนุบาลจันทบุรี และโรงเรียนสฤษดิเดชที่อยู่ใกล้กันและมีปัญหารถติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วนทั้งเช้า เย็น โดยเฉพาะวันที่มีฝนตก เทศบาลเมืองจันทบุรีร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองจันทบุรี ขนส่งจังหวัด และตัวแทนคณะครูจากโรงเรียน จึงได้ร่วมกันวางแผนแก้ไขปัญหาด้ านการจราจร ณ บริเวณถนนสายต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงโรงเรียน
ทั้งนี้ถนนหน้าโรงเรียนดังกล่าวมี ช่องทางการจราจรเพียง 2 ช่อง พื้นผิวจราจรคับแคบ ประกอบกับผู้ปกครอง และรถรับส่งนักเรียนจอดบริเวณฟุ ตบาท และจอดในบริเวณห้ามจอดทำให้ การจราจรติดขัดยิ่งขึ้น เพื่อให้การจราจรเป็นไปอย่ างคล่องตัว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาจั ดระเบียบการจอดรถรับส่งนักเรียน โดยดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ กองช่าง เทศบาลเมืองจันทบุรี ทาสีตีเส้นขอบฟุ ตบาททางเท้า ทุบช่องฟุตบาท เพื่อขยายช่องทางการจราจร ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รั บความสะดวกในการสัญจร และลดปัญหาการจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน
ภายในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาต่าง ๆ ทั้งระดับประถม และมัธยม ที่ผ่านมามีปัญหารถติดขัดเนื่องจากผู้ปกครองนำรถส่วนตัวรับส่งบุตรหลาน รวมทั้งรถรับส่งนักเรียนประจำที่จะเข้ามาส่งเด็กนักเรียนตามสถานศึกษา 4 โรงเรียน โรงเรียนเบญจมราชูทิศ โรงเรียนศรียานุสรณ์ โรงเรียนอนุบาลจันทบุรี และโรงเรียนสฤษดิเดชที่อยู่ใกล้กันและมีปัญหารถติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วนทั้งเช้า เย็น โดยเฉพาะวันที่มีฝนตก เทศบาลเมืองจันทบุรีร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองจันทบุรี ขนส่งจังหวัด และตัวแทนคณะครูจากโรงเรียน จึงได้ร่วมกันวางแผนแก้ไขปัญหาด้ านการจราจร ณ บริเวณถนนสายต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงโรงเรียน
ทั้งนี้ถนนหน้าโรงเรียนดังกล่าวมี ช่องทางการจราจรเพียง 2 ช่อง พื้นผิวจราจรคับแคบ ประกอบกับผู้ปกครอง และรถรับส่งนักเรียนจอดบริเวณฟุ ตบาท และจอดในบริเวณห้ามจอดทำให้ การจราจรติดขัดยิ่งขึ้น เพื่อให้การจราจรเป็นไปอย่ างคล่องตัว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาจั ดระเบียบการจอดรถรับส่งนักเรียน โดยดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ กองช่าง เทศบาลเมืองจันทบุรี ทาสีตีเส้นขอบฟุ ตบาททางเท้า ทุบช่องฟุตบาท เพื่อขยายช่องทางการจราจร ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รั บความสะดวกในการสัญจร และลดปัญหาการจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน
จรัล บรรยงคเสนา /ภาพ/ข่าว ( 30 ก.ค.57 )
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามเพื่อติดตามการดำเนินงานศูนย์ดำรงธรรมระดับจังหวัด
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 นายวิบูลย์ สวงนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้การตอนรับ
ปลัดกระทรวงมหาไทย นำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร ให้คำปรึกษารับเรื่องปัญหาความต้องการ และข้อเสนอแนะของประชาชนสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่งถึง นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ได้มีการจัดตั้งขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี และเปิดให้บริการประชาชนอย่างเป็นทางการไปแล้ว ในรูปแบบศูนย์บริการร่วมโดยในระยะแรกมีบริการ 5 เรื่อง ได้แก่ เรื่องการให้บริการข้อมูลข่าวสารและให้คำปรึกษา การให้บริการรับเรื่อง – ส่งต่อ (Service Link) การให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) การรับเรื่องราวร้องเรียน ร้องทุกข์ และการรับเรื่องปัญหาความต้องการและข้อเสนอแนะของประชาชน
สำหรับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ได้ตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี แล้ว ยังได้จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมระดับอำเภอ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร หรือร้องเรียน ร้องทุกข์ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง นอกจานี้ในช่วงบ่ายปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองชลบุรี และอำเภอบางละมุงอีกด้วย
นายวิบูลย์ สวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ในวันนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของ ศูนย์ดำรงธรรม ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีประกาศให้ทุกจังหวัดจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้น ซึ่งภายหลังมีประกาศดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินการาจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมระดับจังหวัด ขึ้น ณ ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่จังหวัดเห็นสมควรเพื่อความสะดวกแก่ประชาชนที่มาติดต่อขอรับบริการ ซึ่งขณะนี้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการไปแล้ว โดยในส่วนกลางได้กำหนดจัดตั้งขึ้นที่ศูนย์บริการประชาชนวังไชยา (นางเลิ้ง) ซึ่งจะเปิดทำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 สิงหาคม 2557 นี้
อย่างไรก็ดี ในวันนี้ได้เน้นย้ำจังหวดได้พัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการต่างๆ ให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดไว้ทั้งเรื่องโครงสร้างของศูนย์ดำรงธรรม การปฏิบัติงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน รวมทั้งการขยายการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมลงไปสู่ระดับอำเภอในลักษณะเช่นเดียวกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อให้การดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และเป็นไปตามนโยบาย คสช. ต่อไป
ปลัดกระทรวงมหาไทย นำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร ให้คำปรึกษารับเรื่องปัญหาความต้องการ และข้อเสนอแนะของประชาชนสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่งถึง นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ได้มีการจัดตั้งขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี และเปิดให้บริการประชาชนอย่างเป็นทางการไปแล้ว ในรูปแบบศูนย์บริการร่วมโดยในระยะแรกมีบริการ 5 เรื่อง ได้แก่ เรื่องการให้บริการข้อมูลข่าวสารและให้คำปรึกษา การให้บริการรับเรื่อง – ส่งต่อ (Service Link) การให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) การรับเรื่องราวร้องเรียน ร้องทุกข์ และการรับเรื่องปัญหาความต้องการและข้อเสนอแนะของประชาชน
สำหรับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ได้ตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี แล้ว ยังได้จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมระดับอำเภอ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร หรือร้องเรียน ร้องทุกข์ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง นอกจานี้ในช่วงบ่ายปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองชลบุรี และอำเภอบางละมุงอีกด้วย
นายวิบูลย์ สวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ในวันนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของ ศูนย์ดำรงธรรม ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีประกาศให้ทุกจังหวัดจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้น ซึ่งภายหลังมีประกาศดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินการาจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมระดับจังหวัด ขึ้น ณ ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่จังหวัดเห็นสมควรเพื่อความสะดวกแก่ประชาชนที่มาติดต่อขอรับบริการ ซึ่งขณะนี้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการไปแล้ว โดยในส่วนกลางได้กำหนดจัดตั้งขึ้นที่ศูนย์บริการประชาชนวังไชยา (นางเลิ้ง) ซึ่งจะเปิดทำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 สิงหาคม 2557 นี้
อย่างไรก็ดี ในวันนี้ได้เน้นย้ำจังหวดได้พัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการต่างๆ ให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดไว้ทั้งเรื่องโครงสร้างของศูนย์ดำรงธรรม การปฏิบัติงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน รวมทั้งการขยายการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมลงไปสู่ระดับอำเภอในลักษณะเช่นเดียวกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อให้การดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และเป็นไปตามนโยบาย คสช. ต่อไป
ปริญญา/ข่าว/ภาพ
ชลบุรี จัดการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ประจำเดือน กรกฎาคม 2557
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานประชุม พร้อมด้วย นายวรวิทย์ สายสุพัฒน์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานส่วนกลาง นายอำเภอทุกอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี นายกเมืองพัทยา นายกเทศมนตรี และหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี
จังหวัดชลบุรี ได้จัดการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน และองค์กรปกครองท้องถิ่นช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาวชลบุรี โดยมีนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานประชุม พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพียงกัน ในการประชุมแต่ละครั้งได้มีการออกอากาศ ทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดชลบุรี ทางFM 99.75 เมกกะเฮิร์ต และทางเคเบิล CTV ชลบุรีทางช่อง 20 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
สำหรับการประชุมในวันนี้ นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งในที่ประชุมทราบหลายเรื่องเริ่มที่การจัดงานมหากรรมคอนเสิร์ต คืนความสุขให้คนในชาติ จังหวัดชลบุรี ส่วนกิจกรรมภายในงานประกอลบด้วยการจัดนิทรรศการรณรงค์การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กิจกรรมสินค้าราคาพิเศษ เช่น ธงฟ้าราคาประหยัด จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สินค้าโอท๊อป กิจกรรมปลดหนี้ พร้อมด้วยบูธบริการประชาชน เช่น ตรวจสุขภาพ ตัดผมฟรี การฉายภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ส่วนบนเวทีเป็นการแสดงคอนเสิร์ตจากรายการเวทีไท ซึ่งจะทำการถ่ายทอดสดทางช่อง 11 (NBT) ส่วนเรื่องต่อมาเป็นการรายงานแผนพัฒนาเครือยขายการขนส่งและระบบบริหารขนส่งสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นที่หน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 4,200 กว่าล้านบาท ดำเนินการซ่อมบำรุงทาง 6 เส้นทางหลักในระยะเวลา 3 ปี และยังได้จัดสรรงบประมาณอีก 200 กว่าล้านบาท ให้กับเทศบาลเมืองบ้านสวน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ่ำซาก ส่วนเรื่องต่อมาเป็นการเฝ้าระวังโรคในช่วงฤดูฝน (โรคไข้หวัดโคโรนา 2009) และเรื่องสุดท้ายเป็นภารกิจและแผนงาน โครงการของสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองพัทยา และพื้นที่เชื่อมโยง (สพพ.3) ตามที่รัฐบาลได้จัดตั้ง องค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขึ้นเป็นองค์การมหาชน เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานในการกำหนดนโยบาย และแผนการบริหารการพัฒนาในพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงการประสานหน่วยงานภาครัฐส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น และประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ในที่ประชุมได้แนะนำหัวหน้าส่วนราชการที่ย้ายมาอยู่ใหม่ ได้แก่ นายอำนาจ ปรัชญาพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางชลบุรี ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกรม สังกัดสำนักผู้ตรวจราชการกรม กรมราชทัณฑ์
จังหวัดชลบุรี ได้จัดการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน และองค์กรปกครองท้องถิ่นช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาวชลบุรี โดยมีนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานประชุม พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพียงกัน ในการประชุมแต่ละครั้งได้มีการออกอากาศ ทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดชลบุรี ทางFM 99.75 เมกกะเฮิร์ต และทางเคเบิล CTV ชลบุรีทางช่อง 20 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
สำหรับการประชุมในวันนี้ นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งในที่ประชุมทราบหลายเรื่องเริ่มที่การจัดงานมหากรรมคอนเสิร์ต คืนความสุขให้คนในชาติ จังหวัดชลบุรี ส่วนกิจกรรมภายในงานประกอลบด้วยการจัดนิทรรศการรณรงค์การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กิจกรรมสินค้าราคาพิเศษ เช่น ธงฟ้าราคาประหยัด จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สินค้าโอท๊อป กิจกรรมปลดหนี้ พร้อมด้วยบูธบริการประชาชน เช่น ตรวจสุขภาพ ตัดผมฟรี การฉายภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ส่วนบนเวทีเป็นการแสดงคอนเสิร์ตจากรายการเวทีไท ซึ่งจะทำการถ่ายทอดสดทางช่อง 11 (NBT) ส่วนเรื่องต่อมาเป็นการรายงานแผนพัฒนาเครือยขายการขนส่งและระบบบริหารขนส่งสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นที่หน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 4,200 กว่าล้านบาท ดำเนินการซ่อมบำรุงทาง 6 เส้นทางหลักในระยะเวลา 3 ปี และยังได้จัดสรรงบประมาณอีก 200 กว่าล้านบาท ให้กับเทศบาลเมืองบ้านสวน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ่ำซาก ส่วนเรื่องต่อมาเป็นการเฝ้าระวังโรคในช่วงฤดูฝน (โรคไข้หวัดโคโรนา 2009) และเรื่องสุดท้ายเป็นภารกิจและแผนงาน โครงการของสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองพัทยา และพื้นที่เชื่อมโยง (สพพ.3) ตามที่รัฐบาลได้จัดตั้ง องค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขึ้นเป็นองค์การมหาชน เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานในการกำหนดนโยบาย และแผนการบริหารการพัฒนาในพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงการประสานหน่วยงานภาครัฐส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น และประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ในที่ประชุมได้แนะนำหัวหน้าส่วนราชการที่ย้ายมาอยู่ใหม่ ได้แก่ นายอำนาจ ปรัชญาพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางชลบุรี ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกรม สังกัดสำนักผู้ตรวจราชการกรม กรมราชทัณฑ์
ปริญญา/ข่าว/ภาพ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)