วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

มาแปลก โจรเมืองระยอง ตระเวนขโมยลอกเปลือกต้นอินทรีย์หรือต้นเสม็ด ที่ขึ้นอยู่ตามสวนผลไม้ ทำให้ชาวสวนได้รับความเสียหายแล้วในหลายพื้นที่ บางสวนถูกโจรย่องขโมยทุกปี ซึ่งคาดว่า น่าจะเอาเปลือกของต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ด ไปใช้ดองแมงกะพรุน

มาแปลก โจรเมืองระยอง ตระเวนขโมยลอกเปลือกต้นอินทรีย์หรือต้นเสม็ด ที่ขึ้นอยู่ตามสวนผลไม้ ทำให้ชาวสวนได้รับความเสียหายแล้วในหลายพื้นที่ บางสวนถูกโจรย่องขโมยทุกปี ซึ่งคาดว่า น่าจะเอาเปลือกของต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ด ไปใช้ดองแมงกะพรุน เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวสวนผลไม้ในตำบลนาตาขวัญ ตำบลบ้านแลง และตำบลตะพง อ.เมืองระยอง ได้รับความเดือดร้อนจากหัวขโมยที่ออกอาละวาด ตระเวรขโมยลอกเปลือกต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ดที่ขึ้นตามธรรมชาติในสวนผลไม้ของเกษตรกรชาวสวนผลไม้ โดยเฉพาะ ท้องร่อง ขอบบ่อน้ำ โดยพบว่า ต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ด ทุกต้น จะถูกขโมยลอกเปลือกจนรอบ ส่งผลให้ต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ด หลายต้นต้องยืนต้นตาย ทั้งนี้บางสวนพบว่า ถูกโจรแสบแอบย่องมาขโมยทุกปี ในช่วงฤดูฝน

นายพิมพ์ วิเศษศรี อายุ 86 ปี ชาวสวนผลไม้ในตำบลนาตาขวัญ บอกว่า ต้นอินทรีย์ ที่ขึ้นอยู่ ริมบ่อน้ำ ในสวนผลไม้ มักจะถูกขโมย ลอกเปลือก เพื่อนำไปดองแมงกะพรุน ทุกๆ ปี เนื่องจากมีรสชาติฝาด และมีคุณสมบัติดึงน้ำออกจากตัวแมงกะพรุนได้เป็นอย่างดี จึงเป็นที่นิยมในช่วงฤดูฝนนี้ แต่ในปีนี้สถานการณ์รุนแรงมาก เพราะได้ข่าวมาว่า มีแมงกะพรุน ขึ้นเยอะมาก ทำให้หัวขโมย พากันแอบเข้ามาในสวนช่วงกลางคืน แล้วทำการลอกเปลือกต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ดแดง เกือบทุกต้น และลอกเปลือกจนรอบต้น ทำให้ต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ดแดงยืนต้นตายไปหลายต้น ทั้งนี้รู้สึกเสียดาย เพราะต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ดแดง ที่ใช้งานได้ ล้วนมีอายุนับสิบปี เมื่อถูกลอกเปลือกไปแล้ว หากต้นยังไม่ตายกว่าจะมีเปลือกขึ้นมาใหม่ ต้องใช้เวลาหลายปี หรืออาจจะไม่มีเปลือกขึ้นมาอีกเลยก็เป็นได้ ซึ่งต้นอินทรีย์ หรือต้นเสม็ดแดง ยังนำมาเลื่อยเป็นไม้แปรรูปได้ นอกจากนี้หัวขโมยที่เข้ามาขโมยลอกเปลือกต้นอินทรีย์แล้ว ยังสร้างความเสียหาย ให้กับไม้ผลอื่นๆ ในสวนด้วย เช่น มังคุด ทุเรียน ลองกอง บางครั้ง ก็ลักสายไฟ และลักมาตรวัดน้ำอีกด้วย

 ด้านนางจิดาภา ชัยรัตนทรงพร อายุ 58 ปี แพทย์แผนไทย ปราชญ์ชาวบ้าน หมู่ 14 ต.ตะพง กล่าวว่า สำหรับต้นอินทรีย์ หรือเรียกอีกอย่างว่า ต้นเสม็ดแดง และเสม็ดขาว จะขึ้นตามป่าชายเลน ที่มีน้ำกร่อย หรือบริเวณท้องร่อง และขอบบ่อน้ำ ในสวนผลไม้ มีสรรพคุณทางยา เช่น นำเปลือกมาต้มเป็นยา แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย และเคล็ดขัดยอก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ชาวประมง และชาวบ้านถิ่นแถบทะเล จะทราบกันดีมาแต่โบราณว่า เปลือกของมัน สามารถนำมาดองกะพรุนได้ โดยจะนิยมเฉพาะต้นเสม็ดแดงเท่านั้น เปลือกจะมีรสชาติฝาด เมื่อใช้ดองจะสามารถดึงน้ำที่ตัวแมงกะพรุนออกได้เป็นอย่างดี รวมทั้งจะทำให้แมงกะพรุนมีความกรอบ และเก็บรักษาไว้ได้นานอีกด้วย




 วฐิต กลางนอก/ ข่าว

เกิดเหตุรถพ่วงติดตั้งถังแก๊สเอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิง เฉี่ยวชนกับรถเก๋ง ทำให้ถังแก๊สระเบิดไฟลุกไหม้ท่วมรถพ่วง หวิดย่างสดคนขับ

เกิดเหตุรถพ่วงติดตั้งถังแก๊สเอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิง เฉี่ยวชนกับรถเก๋ง ทำให้ถังแก๊สระเบิดไฟลุกไหม้ท่วมรถพ่วง หวิดย่างสดคนขับ

เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 15 ก.ย. 57เกิดอุบัติเหตุรถพ่วงเทเลอร์ ยี่ห้อฮีโน สีขาวหมายเลขทะเบียน 82-8518 ระยอง ติดตั้งถังแก็สเอ็นจีวีจำนวน 8 ลูก เป็นเชื้อเพลิง มีนายกิตติศักดิ์ วิเชียรรัตน์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/2 ม. 3 ต.พังราด อ.แกลง เป็นคนขับ เฉี่ยวชนกับรถเก๋ง ยี่ห้อมิตซูมิชิ เลนเซอร์ สีขาว ทะเบียนญว 7781 กรุงเทพมหานคร มี น.ส.ณัฐมน วงษ์แก้ว อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/46 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นคนขับ เหตุเกิดบนถนนสายสุขุมวิท บริเวณสี่แยกบ้านสองพี่น้อง ขาเข้าตัวเมืองระยอง หลัก กม.257 ม.5 ต.สองสลึง อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งจากการเฉี่ยวชนทำให้รถเก๋ง เสียหลักตกลงร่องกลางถนนกระจกหน้าและหลังรถแตก สภาพตัวรถ พังยับทั้งคัน ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่รถพ่วงเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง ขาดไป 2 ต้น พลิกตะแคงร่องน้ำริมถนน เป็นเหตุให้ถังแก๊สเอ็นจีวี ที่เป็นเชื้อเพลิงติดอยู่ด้านหลังตัวรถพ่วง ได้ระเบิดไฟลุกไหม้ท่วมรถพ่วงเทเลอร์ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลสองสลึง ได้ระดมฉีดน้ำดับไฟ 20 นาที จึงควบคุมไว้ได้ ส่วนคนขับหนีออกจากตัวรถได้ทัน โดยได้รับบาดเจ็บไฟลวกตามแขนและลำตัวเล็กน้อย
สอบสวนทราบว่า น.ส.ณัฐมน วงษ์แก้ว ขับรถเก๋ง ออกจากสี่แยก เพื่อขึ้นถนนสุขุมวิท ไม่ทันระวัง เป็นจังหวะเดียวกันกับรถพ่วงเทเลอร์ของนายกิติตศักดิ์ กำลังจะนำสินค้าไปส่งที่ท่าเรือแหลมฉะบัง จ.ชลบุรี ขับมาถึงที่เกิดเหตุพอดี ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกัน จนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจสถานีตำรวจภูธรแกลง ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะเชิญตัวคนขับรถทั้ง 2 คน ไปสอบสวนหาสาเหตุการเฉี่ยวชนกันครั้งนี้ อย่างละเอียดต่อไป



วฐิต กลางนอก/ข่าว

สภ.เมืองตราด แถลงจับสาวใหญ่ค้ายาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้าและไอซ์

(15 ก.ย. 57) พ.ต.อ.บุญส่ง ปีกขุนทด ผกก.สภ.เมืองตราด พ.ต.อ.สุรเจตน์ บัวหลวง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองตราด พ.ต.ท.ชาญเดช มณีวรสิทิ์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนางสาวธันยาภรณ์ หรือหน่อย ชวาลา อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 3 ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 560 เม็ด และไอซ์ 35.5 กรัม
พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผลจากผู้ต้องหารายที่จับได้ก่อนหน้านี้ โดยนางสาวธันยาภรณ์ เป็นผู้ค้ารายสำคัญในจังหวัดตราด และเป็นผู้กระจายยาเสพติดให้กับนักค้ายาเสพติดอีกทอดหนึ่ง ขณะที่ยาบ้าและ ไอซ์ทั้งหมด พบซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องถุงยางอนามัย ภายกระเป๋าถือที่ซุกซ่อนภายในตู้เก็บของในห้องนอน ซึ่งนางสาวธันยาภรณ์ ยอมรับว่าเป็นของตนเอง

ด้าน พ.ต.ท.สนิท นิลบุตร สวป. สภ.เมืองตราด กล่าวว่า ได้ทำการจับผู้ค้ายาเสพติดมาแล้วหลายราย ได้มีการขยายผลมาหลายทอด จนกระทั่งมาถึงรายของนางสาวธันยาภรณ์ ชวาลา ที่น่าจะเป็นรายใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตาม ระยะนี้มีการจับกุมยาบ้าได้บ่อยครั้ง รู้สึกเป็นห่วงลูกหลานที่อาจจะตกเป็นทาสยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามกวาดล้างให้ลดลง จนหมดไป

จังหวัดตราด เดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพระบบการดูแลเด็กและครอบครัวที่อยู่ในภาวะยากลำบาก

(15 ก.ย. 57) นายณรงค์ ธีรจันทรางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดประชุมคณะทำงานพัฒนาศักยภาพระบบการดูแลเด็กและครอบครัวที่ตกอยู่ในภาวะยากลำบาก จังหวัดตราด ซึ่งจังหวัดตราดร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชนโดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด จัดขึ้นที่ห้องประชุมวัดหนองเสม็ด

นางสาวมนิดา ลิ่มนิจสรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดตราดกล่าวว่า ที่ผ่านมาทีมสหวิชาชีพในจังหวัดตราด ได้ร่วมกันดำเนินโครงการพัฒนาหน่วยจัดการรายกรณี เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาเด็กด้อยโอกาสนอกระบบการศึกษา และเด็กกลุ่มเสี่ยงในระบบการศึกษาในระดับท้องถิ่นมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 จนถึงต้นปี 2557 ทำให้เกิดรูปแบบการช่วยเหลือเด็กได้เป็นอย่างรูปธรรมและสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบของหน่วยจัดการดูแลรายกรณี (Case Management Unit) โดยสามารถดูและเด็กและเยาวชนจำนวน 75 คน จาก 4 พื้นที่ 6 โรงเรียนได้แก่ โรงเรียนตราดสรรเสริญวิทยาคม โรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม โรงเรียนอ่างกระป่อง โรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม และโรงเรียนอนุบาลคลองใหญ่ ซึ่งเด็กกลุ่มเป้าหมายได้รับการดูแลตามประเด็นปัญหา ได้แก่ ปัญหาแม่วัยรุ่น ปัญหาออกโรงเรียนกลางคัน การใช้สารเสพติด ติดเกมและบกพร่องทางการเรียนรู้เป็นต้น ดังนั้นเพื่อเป็นการขับเคลื่อนในภาพรวมในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวในปีงบประมาณ 2558 ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณ 2 ล้านบาท จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราดจึงได้จัดประชุมครั้งนี้ขึ้น ชี้แจงแนวทางการดำเนินงาน แนวทางการสำรวจ การวางแผน การสงเคราะห์ การคุ้มครองสวัสดิภาพ สามารถที่จะแก้ไขปัญหาให้กับเด็กและเยาวชนในแต่ละกรณีได้สอดคล้องและเหมาะสม เป็นการ เพื่อเดินหน้าพัฒนาศักยภาพระบบการดูแลเด็กและครอบครัวที่ตกอยู่ในภาวะยากลำบากจังหวัดตราด ด้วยการขยายผลการดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งในระดับพื้นที่ ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป

ปศุสัตว์จังหวัดตราด ออกตรวจป้องปรามโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่ได้ขอนุญาตดำเนินการจากภาครัฐ

(15 ก.ย. 57) นางสาวเยาวนิตย์ บุรีรักษา ปศุสัตว์จังหวัดตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด่านกักสัตว์ตราด ออกตรวจป้องปรามโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่ได้ขออนุญาตประกอบการในพื้นที่อำเภอเข้าสมิง โดยเข้าตรวจสอบโรงฆ่าสัตว์ (เป็ด) ที่ซอยชุมแสงล่าง หมู่ที่ 6 ตำบลเขาสมิง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ซึ่งพบว่าโรงฆ่าสัตว์ดังกล่าวไม่ได้มีการขอนุญาตในการจัดตั้งให้ถูกสุขลักษณะที่กรมปศุสัตว์กำหนดไว้ จึงให้ผู้ประกอบการลงนามในบันทึกให้ปากคำ

ปศุสัตว์จังหวัดตราด กล่าวว่า การออกตรวจป้องปรามในครั้งนี้ ทางสำนักงานปศุสัตว์ดำเนินการตามนโยบายของกรมปศุสัตว์ ในการจัดระเบียบให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้จาการตรวจสอบพบว่าดรงฆ่าสัตว์แห่งนี้กำลังจะหยุดดำเนินการ เนื่องจากหากต้องมีการปรับปรุงตามสุขลักษณะที่กฎหมายกำหนดเป็นการเพิ่มต้นทุน ซึ่งผู้ประกอบการยืนยันว่าจะยุติดำเนินการฆ่าสัตว์ ในส่วนของการเลี้ยงเป็ดเนื้อ ผู้ประกอบการจะดำเนินการขายแบบมีชีวิต เนื่องจากต้องกรปหยุดดำเนินกิจการ เนื่องจากต้นทุนจากค่าอาหาร และค่าแรงงานค่อนข้างสูง จึงไม่คุ้มทุน

ปศุสัตว์จังหวัดตราด ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันในจังหวัดตราดมีโรงฆ่าสัตว์ที่ถูกสุขลักษณะ ประมาณ 20 แห่ง ซึ่งได้มีการตออกตรวจสอบอย่างต่อเนื่องให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตามนอกจากการตรวจป้องปรามเช่นครั้งนี้แล้ว สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดตราดยังได้มีโครงการเขียงสะอาดที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางจังหวัดในการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการจำหน่าเนื้อสัตว์ ดำเนินการสุขลักษณะ รวมทั้งการสุ่มตรวจหาสารปนเปื้อนในเนื้อสัตว์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค อีกด้วย

ตำรวจน้ำคลองใหญ่ สนธิกำลังจำกุมขบวนการลักลอบนำรถจักรยานยนต์ส่งประเทศเพื่อนบ้าน

(15 ก.ย. 57) พ.ต.ต.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล สารวัตรสืบสวนสอบสวน ตำรวจน้ำอำเภอคลองใหญ่สนธิกำลังร่วมกับ น.ท.สรุศักดิ์ ศรีเผือก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 แถลงข่าวหลังจับกุม ขบวนการลักลอบนำรถจักรยานยนต์เพื่อเตรียมส่งออกยังประเทศกัมพูชา หลังจากรับแจ้งว่าจะมีการขนรถจักรยายนต์เพื่อเตรียมส่งออก ในเวลา 00.30 น. ของคืนที่ ผ่านมา จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุม ได้ผู้ต้องหา 2 คน คือนายเมา ไม่มีนามสกุล อายุ 24 ปี เป็นชาวกัมพูชา และนายกิต ไม่มีนามสกุล อายุ 17 ปี ชาวกัมพูชา พร้อมของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ จำนวน 8 คัน จึงได้ตรวจยึดและจับกุมในข้อหาร่วมกันพยายามนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัดหรือของต้องห้าม หรือของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรส่งออกไปนอกราชณาจักรไทย โดยมิได้รับอนุญาตและเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้บริเวณกลางทะเลห่างจากฝั่ง 2 ไมล์ทะเล ตรงข้ามท่าเทียบเรือเอนกประสงค์ บ้านสวนมะพร้าว หมู่ 7 ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

จากการสอบสวนผู้ต้องหารับจ้างขนรถจักรยานยนต์เพื่อส่งออกไปยังประเทศกัมพูชาเป็นจำนวนเงิน 500 บาท เพื่อนำส่งไปยังตำบลสะมัดเมียนเจย กรุงเขมะภูมินทร์ จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยมีนางแป้นชาวกัมพูชาเป็นผู้ว่าจ้าง ในชั้นการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และดำเนินการส่งผู้ต้องหาทั้งสองคน พร้อมของกลางส่งไปยังพนักงานสอบสวนของ สภ.คลองใหญ่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กองทุนพัฒนาบทบาทสตีจังหวัดตราด จัดโครงการพัฒนาสตรี แม่ดีมีทุกบ้าน

(15 ก.ย . 57) นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดโครงการพัฒนาสตรี แม่ดีมีทุกบ้าน ซึ่งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดตราดร่วมกับองค์กรชุมชนคนตราด และเครือข่ายผู้หญิงไทยจังหวัดตราด ร่วมกันจัดขึ้นที่ศาลาประชาคมจังหวัดตราด มีกลุ่มสตรีจากทุกอำเภอในจังหวัดตราดรวมทั้งครอบครัว จำนวนมากเข้าร่วมโครงการ

นางกรศิริ สง่าศิลป์ ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดตราด กล่าวว่า โครงการพัฒนาสตรี แม่ดีมีทุกบ้าน เป็นการส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชุมชน โดยได้ดำเนินการค้นหา รวบรวม และเชิดชูเกียรติสตรีที่เป็นแม่ ในการสร้างสรรค์สถาบันครอบครัวให้เข้มแข็งในพื้นที่ 7 อำเภอ 37 ตำบลของจังหวัดตราด พร้อมจัดให้มีการมอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับแม่ผู้เป็นตัวอย่างผืทำหน้าที่แม่ดีในชุมชนจากทั้ง 37 ตำบล ในจังหวัดตราดรวมทั้งสิ้น 258 คน เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติ แม่ดีในทุกหมู่บ้านของจังหวัดตราด อย่างไรก็ตามการจัดโครงการในครั้งนี้ยังได้มีการเปิดรับสมัครและขึ้นทะเบียนสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้กับกลุ่มสตรีที่เป็นแม่ที่อยู่ในชุมชนต่าง ๆ อีกด้วย

ผู้ว่าจันทบุรี นำคณะเยือนไพลิน – พระตะบอง ยกระดับ MOU เตรียมพร้อมประชาคมอาเซียน

ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีนำคณะฝ่ายปกครอง เสริมสร้างความสัมพันธ์ ระดับเจ้าหน้าที่ ไพลิน – พระตะบอง – เสียมเลียบ กระชับสัมพันธไมตรี ยกระดับ MOU ความสัมพันธ์ฉันท์มิตร เตรียมพร้อมประชาคมอาเซียน

เมื่อวันที่ 12 ถึง 14 กันยายน ที่ผ่านมา นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยนายสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้นำคณะเจ้าหน้าที่ปกครองจากจังหวัดและอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรี เดินทางไปเสริมสร้างความสัมพันธ์ ระดับเจ้าหน้าที่ กับเจ้าหน้าที่ของจังหวัดไพลิน – จังหวัดพระตะบอง และจังหวัดเสียมเลียบ ประเทศกัมพูชา เพื่อต่อยอด ยกระดับ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างจังหวัดจันทบุรี จังหวัดพระตะบอง และจังหวัดไพลิน ที่ได้ลงนามความร่วมมือ MOU ไว้ตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมาส่งผลให้ความสัมพันธ์ของประชาชนในจังหวัดจันทบุรีกับประชาชนชาวกัมพูชาเพื่อนบ้านมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างแนบแน่น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคง โดยการเดินทางของคณะจังหวัดจันทบุรีครั้งนี้นอกจากส่วนราชการฝ่ายปกครองแล้ว ยังมีผู้แทนของภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจการส่งออกสินค้าชายแดนร่วมคณะไปด้วย อาทิ ด็อกเตอร์ อิสิวุฒิ ตั้งเกียรติ์ นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนบ้านแหลม จังหวัดจันทบุรี นายอำนาจ จันทรส นายกสมาคมชาวสวนลำไย จังหวัดจันทบุรี

และที่จังหวัดไพลิน คณะของจังหวัดจันทบุรีได้พบ หารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นความร่วมมือด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สังคม วัฒนธรรม กับคณะของผู้บริหารจังหวัดไพลินที่มี นาย เกิด สุเธียร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชาเป็นหัวหน้าคณะ ก่อนที่จะเดินทางศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชาในจังหวัดไพลิน พร้อมทั้งเข้าไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิที่ชาวกัมพูชาให้ความนับถือ ที่วัดมณีหยาด โดยทางเมืองไพลินมีความประสงค์ต้องการให้จังหวัดจันทบุรีสนับสนุน ปรับปรุงสะพานข้ามแดน ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาดให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย พร้อมทั้งขอ
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีนายสามารถ ลอยฟ้า ได้นำคณะของจังหวัดจันทบุรีเดินทางไปยังจังหวัดพระตะบอง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ไมตรีระดับเจ้าหน้าที่และภาคธุรกิจเอกชนโดยได้เข้าพบหารือกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง นายจันท์ สุพร และคณะโดยการเจรจามุ่งเน้นความสัมพันธ์ตามบันทึก MOU ความสัมพันธ์ฉันท์มิตร ที่ทั้ง 2 ฝ่ายปฏิบัติมาอย่างดีต่อเนื่องและได้มีการยกระดับความสัมพันธ์เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประชาคมอาเซียน ซึ่งถือว่าทั้ง 3 จังหวัด คือจันทบุรี – ไพลิน และพระตะบอง ประชาชนมีความตื่นตัวและพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นภายหลังเปิดประตูสู่อาเซียนในปี พ.ศ.2558 ทั้งด้าน ความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ปัจจุบันชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนมีวิถีชีวิตที่กลมกลืนกัน ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคโนโลยี ศิลปะ วัฒนธรรม และความร่วมมือด้านต่าง ๆ อย่างดีเสมอมา และในช่วงเดือน ตุลาคม นี้จังหวัดจันทบุรีจะมีการหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็น กระชับสัมพันธไมตรีระหว่างหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน คณะใหญ่ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของประชาชนทั้ง 3 จังหวัดให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้นำคณะเดินทางไปศึกษา เรียนรู้ ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ข้อมูลความพร้อมด้านการบริการนักท่องเที่ยวของเมืองเสียมเลียบ ซึ่งที่เป็นที่ตั้งของ นครวัด - นครธม 1 ใน สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลมาเที่ยวชมอย่างคับคั่ง เพื่อเป็นแนวทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรีกับเมืองเสียมเลียบโดย ด็อกเตอร์ อิสิวุฒิ์ ตั้งเกียรติ กล่าวว่าในการเปิดประชาคม อาเซียน ปี 2558 ประเทศไทยมีความได้เปรียบเนื่องจากเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมและระบบโลจิสติกที่ผ่านมาสถิติการส่งสินค้าออกและการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ผ่านจังหวัดจันทบุรีสู่ประเทศกัมพูชามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันถนนเลียบชายแดนและเส้นทางเชื่อมโยงเมืองต่าง ๆ ในฝั่งกัมพูชามีความพร้อม สะดวกสบายมากขึ้นคนกัมพูชาที่มีฐานะจะเป็นคนฟุ่มเฟือย อีกทั้งชอบซื้อหาความสุขเติมเต็มให้แก่ครอบครัว ที่ผ่านมานิยมเดินทางเข้ามาช็อปปิ้งและท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรี จึงเป็นโอกาสดีของจันทบุรีที่จะขยายตลาดการท่องเที่ยว การส่งออกสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าทางการเกษตร รวมทั้งการบริการสาธารณสุข สู่กัมพูชา ซึ่งจะสร้างรายได้เข้าประเทศไทยอย่างมหาศาลและหากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเสริม ผลักดันการค้าการท่องเที่ยวชายแดนจันทบุรีให้เป็นสะดวกยิ่งขึ้น อาทิส่งเสริมการบริการรถโดยสารสาธารณะระหว่างเมือง จันทบุรี – ไพลิน – พระตะบอง – เสียมเลียบ เพิ่มความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งลูก - หลานชาวจันทบุรีต้องตื่นตัวและพัฒนาการเรียนรู้เรื่องภาษารองรับการเปิดประชาคมอาเซียนซึ่งจันทบุรีถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและมีโอกาสที่ดีกว่า ขึ้นอยู่กับชาวจันทบุรีจะตักตวงโอกาสนั้นหรือไม่      




จรัล บรรยงคเสนา /ภาพ/ข่าว ( 15 ก.ย. 57 ) 
               ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจ


   

จ.จันทบุรี แจ้งเตือนประชาชนระวังผลกระทบจากฝนตกหนัก

จังหวัดจันทบุรีแจ้งเตือนประชาชนระวังผลกระทบจากสภาวะฝนตกหนัก เตือนประชาชนระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง  ช่วงวันนี้ ถึง 18 กันยายน

นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า จากการพยากรณ์สภาวะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่คาดการณ์ว่าในช่วงตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน ล่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย และมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้พื้นที่บริเวณภาคตะวันออกได้รับผลกระทบ มีฝนตกชุกเพิ่มมากขึ้น และในห้วงเวลาที่ผ่านมาจังหวัดจันทบุรีมีปริมาณฝนตกสะสมหลายวัน จึงส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำคลองต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการที่จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลกระทบทำให้บางพื้นที่เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งได้ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจันทบุรี ลุ่มน้ำวังโตนด ลุ่มน้ำเวฬุ คลองพระพุทธ และแม่น้ำสาขาต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรี

ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มริมเขาสระบาป เขาคิชฌกูฏ เขาสอยดาว และพื้นที่เชิงเขาต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรีขอให้เฝ้าระวังผลกระทบจากสภาวะฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ขณะที่คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง นักท่องเที่ยวต้องระมัดระวังในการลงเล่นน้ำทะเล เรือเล็กควร งดออกจากฝั่ง ในช่วงวัน สองวันนี้

ทั้งนี้ขอให้ประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีติดตามสถานการณ์ และประกาศของทางราชการ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังอย่างมีสติ ไม่ต้องตื่นกลัว อย่างไรก็ตามทางจังหวัดได้เตรียมบุคคลกร เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสภาวะ จุดเสี่ยงไว้อย่างครอบคลุมแล้ว และหากเกิดเหตุการณ์จะสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที  





จรัล บรรยงคเสนา /ภาพ/ข่าว ( 15 ก.ย. 57 )
                                ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจ
   

กระทรวงพลังงานจังหวัดชลบุรี จัดการประชุม ครั้งที่ 2 โครงการบูรณาการแผนยุทธศาสตร์พลังงานระดับกลุ่มจังหวัดตามยุทธศาสตร์ประเทศ

วันนี้ (วันที่ 15 กันยายน 2557) กระทรวงพลังงานจังหวัดชลบุรี จัดการประชุม ครั้งที่ 2 โครงการบูรณาการแผนยุทธศาสตร์พลังงานระดับกลุ่มจังหวัดตามยุทธศาสตร์ประเทศ โดยมี นายวรวิทย์. สายสุพัฒน์ผล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี  เป็นประธานเปิดการประชุม  ณ ห้องแคริบเบี้ยน โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน จังหวัดชลบุรี

การประชุมในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การดำเนินงานในการรวบรวม และจัดทำข้อมูลประกอบการจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์พลังงานระดับกลุ่มจังหวัดและแผนปฏิบัติการด้านพลังงานระดับจังหวัดให้เป็นไปตามเป้าประสงค์ของโครงการฯ รวมถึงการรายงานสรุปผลการประชุม ครั้งที่ 1 ที่ผ่านมาเพื่อให้ทางกลุ่มบริษัทและหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมโครงการได้ทราบถึงแนวปฏิบัติ และให้การประสานและประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแผนยุทธศาสตร์พลังงานระดับกลุ่มจังหวัดและแผนปฏิบัติการด้านพลังงานระดับจังหวัดให้ประชาชนทราบต่อไป



นายคมศักดิ์  หล่อเถิน/ข่าว/ภาพ
15 กันยายน 2557

การแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CHONBURI CHAMPIONSHIP 2015 และการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE IDOL รอบชิงชนะเลิศ ระดับจังหวัด

นางรุ่งธิวา  พาณิชสุโข  รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เป็นประธาน เปิดงาน กิจกรรมการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CHONBURI CHAMPIONSHIP 2015 และการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE IDOL รอบชิงชนะเลิศ ระดับจังหวัด โดยมีนายศรชัย  อินทรวิชัย ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี กล่าวให้การต้อนรับ  ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา จังหวัดชลบุรี 

นางรุ่งธิวา  พาณิชสุโข  กล่าวว่า กิจกรรมการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CHONBURI CHAMPIONSHIP 2015 และการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE IDOL รอบชิงชนะเลิศ ระดับจังหวัดจัดขึ้นเพื่อส่งเสริม และสนับสนุน เยาวชนชาวชลบุรี ได้รับทราบและตระหนักถึงการดำเนินโครงการ TO BE NUMBER ONE เป็นโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดนูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี กิจกรรมของโครงการ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งเสริม  ให้เด็กและเยาวชน และวัยรุ่น ได้แสดงความสามารถในสิ่งที่ตนถนัด ในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม  รวมถึงเป็นกำลังใจให้กับเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้หมั่นฝึกฝน และพัฒนาความสามารถมุ่งสู่ความเป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด การแข่งขันในวันนี้ จึงแสดงให้เห็นว่า เด็กๆ เยาวชนรุ่นใหม่ในจังหวัดชลบุรีมีความสามารถและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นหนึ่งเช่นเดียวกัน  โดยมีผู้เข้าร่วมแข่งขัน Dancercise จำนวน ทั้งสิ้น 24 ทีม การแข่งขัน 3 รุ่น คือ รุ่น Junior อายุระหว่าง 6-9 ปี จำนวน 6 ทีม  รุ่น Pre - Teenage อายุระหว่าง 10-13 ปี จำนวน 7 ทีม และรุ่น Teenage อายุระหว่าง 14-24 ปี จำนวน 11 ทีม   การแข่งขันเป็นการออกกำลังกายที่เน้นความคิดสร้างสรรค์กับการประยุกต์ท่าทางการเต้น ที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารร่างกายด้วยจังหวะดนตรี ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์ จากกรรมการผู้เชี่ยวชาญการเต้น มาเป็นผู้ตัดสิน และยังมีการประกวดการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE IDOL จำนวน 26  คน

สำหรับการแข่งขันในวันนี้จะเป็นการค้นหา ตัวแทนเยาวชนต้นแบบเก่งและดี ในระดับจังหวัด เพื่อเข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับภาคกลางและภาคตะวันออก ในเดือน ธันวาคม 2557 ณ เซ็นทรัล เฟสติวัลพัทยาบีช ต่อไป




นายคมศักดิ์  หล่อเถิน/ข่าว/ภาพ
15 กันยายน 2557



วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยามอบควายไทยเชื้อสายชลบุรี

อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยามอบควายไทยเชื้อสายชลบุรี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่งเสริมการเลี้ยงควายไทยเชื้อสายชลบุรีแก่เกษตรกรทุกอำเภอ โดยมีนายเชาวลิตร แสงอุทัย ปลัดจังหวัดชลบุรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบควายไทยเชื้อสายชลบุรี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา โดยมีนายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ นายอำเภอบางละมุง นายส่วน พนมวัฒนากุล ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี พร้อมแขกผู้มีเกียรติ ให้การต้อนรับ

นายส่วน พนมวัฒนากุล ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากจังหวัดชลบุรี จัดการแข่งขันวิ่งควายทุกปี ซึ่งมีทั้งบริเวณศาลากลางจังหวัดชลบุรี และในท้องที่อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดชลบุรี แต่ควายไทยเชื้อสายชลบุรีที่ใช้สำหรับการแข่งขันมีจำนวนน้อย จึงเล็งเห็นความสำคัญเลี้ยงและสืบสานควายไทยเชื้อสายชลบุรีมาหลายปี เป็นควายที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันวิ่งควายหลายรุ่น จึงมีแนวคิดที่จะขยายสายพันธุ์ควายไทยเชื้อสายชลบุรีให้ยั่งยืนตลอดไป เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนควายไทยเชื้อสายชลบุรีไว้ใช้เป็นประโยชน์ในการแข่งขันและส่งเสริมประเพณีวิ่งควายให้อยู่คู่กับจังหวัดชลบุรี อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์และส่งเสริมการเลี้ยงควายไทยเชื้อสายชลบุรีให้เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี จึงได้ทำการมอบควายไทยเชื้อสายชลบุรี จำนวน 17 ตัว ให้แก่เกษตรกรทุกอำเภอจำนวน 11 อำเภอ นำไปใช้เป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ของควายไทยเชื้อสายชลบุรี รวมมูลค่า 9 แสนบาท นอกจากนั้นยังมีการมอบลูกควายไทยเชื้อสายชลบุรีอีกจำนวน 5 ตัวให้แก่เกษตรกรนำไปเลี้ยงฝึกฝนให้เป็นควายที่ใช้สำหรับแข่งขันวิ่งควายต่อไป



ปริญญา/ข่าว/ภาพ

โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ครั้งที่ 28 ประจำปี 2557

ที่ สวนสมเด็จโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ชัยเวช นุชประยูร ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เป็นประธานเปิดกิจกรรมวันทำความสะอาดครั้งใหญ่ทั่วโรงพยาบาล ครั้งที่ 28 ประจำปี 2557 โดยก่อนเริ่มกิจกรรมได้มีการออกกำลังกายเพื่อความพร้อมในการทำกิจกรรม จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำความสะอาดทั่วโรงพยาบาล เพื่อเป็นการเตรีนมความพร้อมของสถานที่ก่อนวันงานพระราชทานกำเนิดโรงพยาบาลในวันที่ 10 กันยายน นี้ เพื่อพัฒนาสภาแวดล้อม สถานที่ปฏิบัติงานให้สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้บุคลากรทุกส่วน มีส่วนร่วมในการปรับปรุงภูมิทั้ศน์ และดำเนินกิจกรรม 5 ส. อย่างต่อเนื่องรวมทั้งเสริมสร้างจิตอาสาในการบำเพ็ญประโยชน์อีกด้วย



ปริญญา/ข่าว/ภาพ

ปส. จับมือไอเออีเอ เสริมความรู้แนวป้องกันทางทางนิวเคลียร์แก่บุคคลในภูมิภาคเอเชีย

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเจ้าภาพร่วม IAEA จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคให้ความรู้บุคลากรในภูมิภาคเอเชีย 17 ประเทศ หวังให้แต่ละประเทศเข้าใขแนวทางการป้องกันทางกายภาพของวัสดุนิวเคลียร์และสถานประกอบการณ์ทางนิวเคลียร์  รวมทั้งเสริมสร้างเครื่อข่ายความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาค  ระหว่างวันที่  8 – 12 กันยายน  ๒๕๕๗ นี้ ณ เดอะฮอริเทจพัทยาบีชรีสอร์ท พัทยา จังหวัดชลบุรี

นายสุพรรณ แสงทอง เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า ระหว่างวันที่  8 – 12 กันยายน  ๒๕๕๗ นี้ ปส. ร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาค  Regional Workshop on the Implementation of Nuclear Security Recommendations on Physical Protection of Nuclear Material and Nuclear Facilities(INFCIRC/225/Revision 5) หรือ การดำเนินการตามข้อแนะนำของการรักษาความปลอดภัยนิวเคลียร์ในการป้องกันทางกายภาพของวัสดุนิวเคลียร์และสถานประกอบการณ์ทางนิวเคลียร์(ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 5) หวังเพิ่มความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว ให้ประเทศต่างๆสามารถนำไปใช้พัฒนาปรับปรุงมาตรการการป้องกันทางกายภาพของสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัย คาดว่าจะมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ จำนวน 17 ประเทศ เข้าร่วม ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย อิสราแอล อิหร่าน จอร์แดน บังคลาเทศ ปากีสถาน อินโดนีเชีย ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี มาเลเชีย เวียดนาม และไทย

 “สำหรับประเทศไทยได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย อาทิ ผู้แทนจาก สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ  กรมศุลกากร การท่าเรือแห่งประเทศไทย และภาควิชานิวเคลียร์เทคโนโลยี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้นกว่า 50 คน ปส. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการอบรมครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่างๆ โดยเฉพาะของประเทศไทย ที่จะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานที่เกี่ยวข้องต่อไป”

นายสุพรรณฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า  IAEA ได้จัดทำแนวทางด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมหลายหัวข้อหนึ่งในนั้น คือ ข้อแนะนำในการป้องกันทางกายภาพของวัสดุนิวเคลียร์และสถานประกอบการณ์ทางนิวเคลียร์ซึ่งฉบับปรับปรุงสุดท้ายคือ INFCIRC/225/Revision 5 โดยเพิ่มเติมในส่วนของมาตรการป้องกันระหว่างขนย้ายวัสดุนิวเคลียร์ มาตรการการป้องกันการก่อวินาศกรรม การนำวัสดุนิวเคลียร์ที่สูญหายกลับคืน การลดผลกระทบทางรังสีหลังการเกิดวินาศกรรมกับวัสดุนิวเคลียร์ หรือสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ เป็นต้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-5967600 ต่อ 2123,1423,3614



นายคมศักดิ์  หล่อเถิน/ข่าว/ภาพ

เมืองพัทยาจัดโครงการต่อต้านยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E.) ประจำปี 2557

ณ อาคารกรีฑาในร่มเมืองพัทยา นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร D.A.R.E. ประจำปี 2557 โดยมีนายวัฒนา จันทนวรานนท์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการ นอกจากนี้ภายในพิธีมีคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา ที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา ครู อาจารย์โรงเรียนในสังกัดเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าร่วมมอบประกาศนียบัตรแก่เด็กนักเรียนในครั้งนี้

เมืองพัทยาเล็งเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ ในปัจจุบัน จึงร่วมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา สถานีตำรวจภูธรบางละมุง และสถานีตำรวจเกาะจันทร์ ดำเนินการจัดโครงการการศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E.) ประจำปี 2557 ขึ้น โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรตำรวจ D.A.R.E. เข้าทำการสอนเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนในสังกัดเมืองพัทยา ทั้ง 10 โรงเรียน ในภาคเรียนที่ 1/2557 สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง จำนวน 13 สัปดาห์ ต่อเนื่องกัน เพื่อให้เด็กนักเรียนมีทักษะ รู้จักวิธีหลบเลี่ยงและปฏิเสธการใช้สารเสพติดและความรุนแรงได้ โดยในวันนี้ ฝ่ายกิจกรรมเด็กและเยาวชน จึงได้จัดโครงการมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร D.A.R.E. จำนวน 1,463 คน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ต่อผู้เข้ารับฝึกอบรมหลักสูตร D.A.R.E. ต่อไป



ปริญญา/ข่าว

จันทบุรีจัดโครงการคืนคนดีสู่สังคม

จังหวัดจันทบุรี จัดโครงการคืนคนดีสู่สังคม ป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ให้โอกาสผู้กระทำผิดได้กลับตัว กลับใจ และให้ความร่วมมือกับทางราชการ

วันนี้  ( 8 ก.ย.57 ) ที่ศาลาอเนกประสงค์วัดคมบาง ตำบลคมบาง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคืนคนดีสู่สังคม พร้อมเป็นวิทยากรในการบรรยายพิเศษให้ความรู้ในเรื่องยาเสพติด โดยข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่นกำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ที่เคยเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้ที่เคยเสพยา กลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติกรรมน่าเชื่อว่ามีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เข้าร่วมในโครงการ

สำหรับการจัดโครงการคืนคนดีสู่สังคมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดจำนวนผู้เสพและผู้ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดให้ลดน้อยลง โดยการให้ความรู้ในเรื่องโทษพิษภัยของยาเสพติด ทำให้เกิดความตระหนักเมื่อจะกระทำความผิด และเกรงกลัวไม่กล้าที่จะไปเสพยาเสพติดหรือไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือดูแลให้โอกาสผู้เสพหรือผู้ที่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดได้ปรับเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ พฤติกรรมไปในทางที่ดี พร้อมที่จะกลับคืนเป็นคนดีของสังคม และเพื่อให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการสร้างความตระหนัก และติดตามช่วยเหลือดูแลผู้เสพหรือผู้ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้นำผู้เข้ารับการอบรมร่วมกล่าวปฏิญาณตน 3 ไม่ คือ 1.เราไม่ทำ 2.เราไม่ให้คนอื่นทำ และ 3 .เห็นใครทำเรายอมไม่ได้ นอกจากนี้จะมีการนำผู้เข้ารับการอบรมเข้าศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบากของผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นการปรามป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่





จรัล บรรยงคเสนา /ภาพ/ข่าว ( 8 ก.ย. 57 ) 
                    ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจ

   

กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ปรองดอง สมานฉันท์ ดูงานเศรษฐกิจพอเพียง

สมาคมกำนัน – ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดจันทบุรีจัดโครงการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ ผู้นำท้องถิ่น ผู้ปกครองท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง

เมื่อวันที่ 3 ถึง 7 กันยายน ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีร่วมกับสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดจันทบุรีได้จัดกิจกรรมปรองดองสมานฉันท์ กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบจ.เทศบาล และ อบต. ตามโครงการส่งเสริมขับเคลื่อนและพัฒนาการเรียนรู้ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมที่ 3 อบรม สัมมนา ศึกษาดูงานวิถีชีวิตพอเพียงแบบประชาธิปไตยโดยนายกิจวัฒน์ สวาสดิ์ นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดจันทบุรี นำคณะสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้บริหารเทศบาล ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นรวม 200 คน ร่วมเดินทางไปศึกษาเรียนรู้แนวทางสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการดำเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีปลัดอำเภอแม่สาย และผู้แทนนายกเทศบาลตำบลแม่สาย จังหวัดเชียงราย บรรยายสรุปให้ความรู้เรื่องการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด การบริหารจัดการเรื่องการค้าชายแดน การให้บริการนักท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวก จุดเด่น จุดด้อย ของจุดผ่านแดนท่าขี้เหล็ก อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อใช้เป็นข้อมูลความรู้แก่คณะจากจังหวัดจันทบุรีที่มีสภาพพื้นที่ ปัญหา อุปสรรคและทิศทางพัฒนาใกล้เคียงกันเนื่องจากเป็นจังหวัดที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเหมือนกัน ก่อนนำข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์มาปรับ ขยายผลแก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558  หลังจากศึกษาดูงานที่จุดผ่านแดนถาวรท่าขี้เหล็ก อำเภอแม่สายเสร็จแล้ว คณะของกำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดจันทบุรีได้เดินทางเข้าไปศึกษา วิถีชีวิต ความเป็นอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงของประชาชนเมืองเชียงตุงและเมืองลาประเทศพม่า ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของชนเผ่าต่าง ๆ อาทิไทยใหญ่ อาข่า คะฉิ่น มูเซอ กระเหรี่ยง ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแบบชาวพุทธและพึ่งพาธรรมชาติเป็นหลักในการประกอบอาชีพ ภูมิประเทศของทั้ง 2 เมืองเป็นที่ราบลุ่มกลางหุบเขา ลักษณะคล้ายแอ่งกระทะมีความสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลายแต่ยังขาดการบริหารจัดการที่ดี ผืนป่ามีการบุกรุกเพื่อทำไร่เลื่อนรอยและเป็นต้นเหตุของปัญหาหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อภาคเหนือของไทยทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเมษายน




จรัล บรรยงคเสนา /ภาพ/ข่าว ( 8 ก.ย. 57 )
                  ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจ


 
   

ทสจ.ตราด ประกาศผลการประกวดสร้างสรรค์จากสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้ ประจำปี 2557

(6 ก.ย. 57) นายไพศาล ธนะเพิ่มพูล ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตราด ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ประจำปี 2557 จังหวัดตราด เปิดเผยถึงการประกวดสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ว่า กิจกรรมดังกล่าวกรมส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ได้ขอความร่วมมือสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกจังหวัดทั่วประเทศดำเนินการ เพื่อเป็นการมุ่งเน้นให้เยาวชนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ รู้จักนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม โดยการประกวดในครั้งนี้ แบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทสิ่งประดิษฐ์ทั่วไป ในระดับระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา และการประกวดประเภทเครื่องแต่งกายจากวัสดุเหลือใช้ ในระดับมัธยมศึกษา ซึ่งผลการประกวดปรากฏว่า สิ่งประดิษฐ์ทั่วไป ในระดับระดับประถมศึกษา ผลงานชุดโต๊ะเก้าอี้เอนกประสงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ของโรงเรียนบ้านท่าเรือจ้าง คว้ารางวัลชนะเลิศ สิ่งประดิษฐ์ทั่วไป ในระดับระดับมัธยมศึกษา ผลงานโคมไฟจั่นมะพร้าว ของโรงเรียนเขาน้อยวิทยาคม คว้ารางวัลชนะเลิศ ส่วนประเภทเครื่องแต่งกายผลงานชื่อ Sea Angel ของโรงเรียนสะตอวิทยาคม คว้างรางวัลชนะเลิศ ซึ่งผลงานทั้ง 3 ชิ้น จะได้เป็นตัวแทนของจังหวัดตราดเข้าร่วมประกวดในระดับภาคและระดับประเทศต่อไป

ปภ.ตราด เตือน ประชาชนเฝ้าระวังปัญหาจากฝนตกหนัก คลื่นลมแรง จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงนี้

(7 ก.ย. 57) นายฐิตนันท์ อุดมสุข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด กล่าวว่ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ตรวจสอบสภาวะอากาศจากทางกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงนี้ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกมากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด จึงขอแจ้งเตือนประชาชน และเกษตกรที่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเล ที่ราบต่ำริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขา ในพื้นที่เสี่ยงภัย ทราบเกี่ยวกับภัยอันเกิดจากฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับประชาชน โดยขอให้ดูแลบ้านเรือนให้มั่นคงแข็งแรงชาวประมงควรระมัดระวังในการเดินเรือพร้อมกันนี้ขอความร่วมมือสื่อในพื้นที่ทั้งวิทยุกระจายเสียง เคเบิลทีวี เสียงตามสาย หรือหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังผลกระทบ ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอำภเอทุกแห่ง ขอให้เฝ้าระวัง และตรวจสอบ เส้นทาง ฝาย เขื่อน อ่าง คันกั้นน้ำ ตลอดจนสิ่งก่อสร้าง ป้ายโฆษณาที่ไม่เข็งแรง หากพบไม่ปลอดภัย หรือติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยเคร่งครัด นอกจากนี้หากพบต้นไม้ใหญ่ที่มีลักษณะไม่ปลอดภัยขอให้เจ้าหน้าที่ตัดแต่กิ่ง พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเฝ้าระวังเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ทั้งนี้หากได้รับความเดือดร้อนสามารถแจ้งเหตุด่วนสาธารณภัยเพื่อขอความช่วยเหลือ ได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด 0-3952-5727 – 30 ตลอด 24 ชั่วโมง

ทหารนาวิกโยธินตราดพร้อมกำลังพล อส.อ.เมืองตราด นำเรือท้องเบนเข้ามาช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วม

จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดตราด ส่งผลให้หลายจุดพบปัญหาน้ำท่วมขัง และอีกหลาย ตำบลยังมีความเสี่ยง ที่จะเกิดน้ำท่วมในวันนี้ (7 ก.ย. 57) บริเวณซอยบัวเขียว บ้านหนองบัว ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด พบปัญหาถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 50 หลังคาเรือนภายในซอยถูกน้ำท่วม และติดเกาะอยู่ภายใน กำลังพลของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด นำโดย เรือโทสุเทพ อันณรงค์ กองรัอยรักษาความสงบหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด พร้อมกำลังพล อส.อำเภอเมืองตราด นำเรือท้องแบนจำนวน 3ลำ เข้ามาช่วยเหลือประชาชน ในการเดินทางเข้าออก สาเหตุมาจากการระบายน้ำไม่ทัน ส่วนถนนสุขุมวิทบริเวณหน้าเมืองตราด ตำบลวังกระแจะ น้ำท่วมขังผิวจราจรเป็นไปด้วยความลำบาก ระยะทางประมาณ 100 เมตร อย่างไรก็ตามสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราดได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกให้ความช่วยเหลือชาวบ้านเป็นจุดๆ ขณะนี้ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง

น้ำป่าพัดคอสะพานข้ามคลองพลูขาด ในพื้นที่เกาะช้าง จ.ตราด หลังฝนตกต่อเนื่องสุดสัปด์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

(8 ก.ย. 57) หลังจากตลอกช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดตราด โดยในพื้นที่อำเภอเกาะช้างเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดน้ำป่าไหลลงมาจากเทือกเขาอย่างรุนแรง ส่งผลให้น้ำกัดเซาะถนนสายระหว่าง บ้านคลองพร้าว-บ้านบางเบ้า ช่วงคอสะพานคลองพลู หน้าร้านอาหา เจ๊อิ๋วซีฟู๊ด หมู่4 ตำบลเกาะช้าง อำภเอเกาะช้าง ถูกตัดขาดเป็นหลุมลึกขนาดกว้างประมาณ 12 เมตร ยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไป-มาได้ โดยถนนเส้นดังกล่าวเป็นเส้นทางสู่ตำบลเกาะช้างใต้ และมีโรงแรมที่พักอยู่จำนวนมาก ทั้งนี้ทางเทศบาลตำบลเกาะช้าง ได้ร่วมกับศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลฯเกาะช้าง (ศรภ.ทร.) ตชด.116 อำเภอเกาะช้าง ตลอดจนเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เร่งให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการลำเลียงกระเป๋าให้นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป

เบื้องต้นนายพีระ เอี่ยมสุนทร นายอำเภอเกาะช้าง สั่งการให้ปลัดอำเภอลงพื้นที่ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ทั้งพื้นที่ ตำบลเกาะช้าง และตำบลเกาะช้างใต้ออกสำรวจความเสียหายว่ามีราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อนกี่หลังคาเรือนเพื่อสรุปรายงานให้ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

ทหารนาวิกโยธินตราดร่วมอำเภอเขาสมิง เร่งฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนที่เสียหายจากพายุจนบ้านเสียหายเกือบทั้งหลัง

(8 ก.ย. 57) นายบรรจง กนะกาศัย นายอำเภอเขาสมิง พร้อมด้วยเรือโทสุเทพ อินณรงค์ หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเขาสมิง ระดมสรรพกำลังช่วยฟื้นฟูบ้านพักของนางสำอวย มุตะพัฒน์ บ้านเลขที่ 182 หมู่ที่ 6 ซอยคงทรัพย์ บ้านชุมแสง ตำบลเขาสมิง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ซึ่งได้รับความเสียหายจากพายุฝนคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นยางพาราล้มทับบ้านของประชาชนรายดังกล่าวเสียหายเกือบทั้งหลัง

นายอำเภอเขาสมิง กล่าวว่า ทางอำเภอเขาสมิง ได้ร่วมกับหน่วยทหรนาวิกโยธินดำเนินการจัดหาหลังคากระเบื้อง และกำลังหลักร่วมกับช่างไม้เข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซม คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 วันการมุงหลังคากระเบื้องก็จะเสร็จสิ้น ใช้เป็นที่บังฝนบังแดดได้ในเบื้องต้น ในส่วนของการซ่อมแซมตัวบ้านทั้งหลังคาดว่าจะใช้เวลา 1 – 2 วัน อย่างไรก็ตามจาการำรวจในเบื้องต้นยังพบสวนยางพาราเสียหายอีกหลายแห่ง

ทางด้านเรือโท สุเทพ อินณรงค์ หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือนหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดกล่าวว่า ทหารมีความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ที่จะเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นหน้าที่ของทหารที่จะเคียงข้างประชาชน

อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดอาคารสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตราด แห่งใหม่

(8 ก.ย. 57) นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เป็นประธานในพิธีเปิดป้ายอาคารสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตราดแห่งใหม่ มีนางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นางสุพัตรา เพชรดี สรรพสามิตพื้นที่ตราด เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

นางสุพัตรา เพชรดี สรรพสามิตพื้นที่ตราด กล่าวว่า สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตราด เดิมตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดตราด อาคารหลังเก่า ชั้น 1 มีความคับแคบ ปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งคุณภาพงาน และปริมาณงาน และการต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการบริหารจัดการตามมาตรฐานในด้านต่างๆ ที่กรม และที่รัฐบาลกำหนด ในปีงบประมาณ 2556 สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตราดได้รับงบปราณเป็นเงินจำนวน 14.5 ล้านบาท เป็นราคารวม ซึ่งกระบวนการก่อสร้างมีงานลดงานเพิ่ม สามารถส่งเงินงบประมาณคืนกรมได้อีก จำนวน 543,000 บาท อาคารสำนักงานนี้ปลูกอยู่บนเนื้อที่ ที่เป็นบ้านพักสรรพสามิตเดิม มีเนื้อที่โดยรวม 369 ตารางวา ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทั้งสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตราดและสาขาเมืองตราด ได้เข้าปฏิบัติงานตามภารกิจอย่างพร้อมเพรียงกัน ณ อาคารสำนักงานใหม่นี้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 และเพื่อความเป็นสิริมงคล สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตราด มีมติให้จัดพิธีเปิดป้ายอาคารสำนักงานในวันนี้ขึ้น

ด้าน อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า อาคารแห่งนี้จะอำนวยความสะดวกต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และประชาชนที่เดินทางมาติดต่องาน ส่วนนโยบายของกรมสรรพสามิต ก็จะมีการกวดขันจับกุมสินค้าหลบเลี่ยงภาษี เพื่อให้สินค้าทุกอย่างผ่านพิธีการทางศุลกากรทั้งหมด

จ.ตราด เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในหลายพื้นที่

(8 ก.ย. 57) นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดตราด มอบถุงยังชีพให้ประชาชนจำนวน 40 ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด หลังจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำป่าจากคเทือกเขาบรรทัดไหลหลากเข้าท่วมที่อยู่อาศัย และพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ในขณะที่นายนายสมศักดิ์ อิทธิวรกุล ปลัดจังหวัดตราด พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดตราด ได้มอบถึงยังชีพให้กับประชาชนชุมชนซอยบัวเขียว หมู่ 2 ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราดที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม จากฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเข้าสู่ภาวปกติแล้ว

ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลให้หลายจุดในพื้นที่จังหวัดตราด ประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังจาการระบายไม่ทัน ซึ่งปัจจุบันหลายจุดก็เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ในส่วนของสายข้ามคลองพลู บนเกาะช้างปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการทำทางเดินชั่วคราวให้ประชาชน นักท่องเที่ยวเดินข้ามได้แล้ว แต่รถยังไม่สามารถใช้การได้ ทั้งนี้ทางจังหวัดได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาตามระเบียบของทางราชการ อย่างไรก็ตามในหลายพื้นที่ยังพบฝนตกอยู่ทางจังหวัดตราดจึงขอเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในที่ลุ่ม หรือพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังปัญหาน้ำป่าไหลหลาก โดยเก็บสิ่งของหรือทรัพย์สินไว้ในที่สูงก่อน พร้อมทั้งติดตามข่าวสารและคำเตือนจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด

ตัวแทนชาวประมงเรือไดหมึกเมืองระยอง ยื่นหนังสือพ่อเมือง ขอความเป็นธรรมผ่อนผันหลังตำรวจน้ำจับกุมเรือประมงพร้อมลูกเรือชาวกัมพูชา

ตัวแทนชาวประมงเรือไดหมึกเมืองระยอง ยื่นหนังสือพ่อเมือง ขอความเป็นธรรมผ่อนผันหลังตำรวจน้ำจับกุมเรือประมงพร้อมลูกเรือชาวกัมพูชาเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 8 ก.ย.ที่ศาลากลางจังหวัดระยอง นายธานินทร์ บุญธรรม รองประธานกลุ่มประมงเรือไดหมึกชาวตำบลเพ อ.เมืองระยอง พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มประมงเรือไดหมึก ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับนายธานี สามารกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ขอให้มีการผ่อนผันจับกุมเรือไดหมึกที่มีไต๋เรือและลูกเรือเป็นชาวกัมพูชา หลังมีตำรวจน้ำ จับกุมเรือไดหมึกของสมาชิกในกลุ่มประมง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา

นายธานินทร์บุญธรรม รองประธานกลุ่มประมงเรือไดหมึกชาวตำบลเพ อ.เมืองระยอง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีตำรวจน้ำ จับกุมเรือประมงไดหมึกของสมาชิก โดยมีไต๋เรือและลูกเรือเป็นชาวกัมพูชา รวม 6 คน โดยยึดเรืออุปกรณ์บนเรือไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งข้อหา ร่วมกันทำการประมงไดหมึกในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ไต๋เรือ ใช้เรือทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยไม่มีใบอนุญาตผู้ควบคุมเรือตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย เป็นบุคคลต่างด้าวทำหน้าที่เป็นลูกเรือในเรือประมง ในเขตการประมงไทยโดยมิได้รับอนุญาตและมีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้พวกตนเห็นว่า ยังอยู่ในช่วงผ่อนผันการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว และพบว่าในปัจจุบันคนไทยไม่มีใครทำอาชีพประมงแล้ว โดยเฉพาะเป็นไต๋เรือ ควรจะมีการผ่อนผัน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้เจ้าของเรือไปควบคุมแรงงานต่างด่าวที่เป็นไต๋เรือไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายไทย ซึ่งการมายื่นหนังสือวันนี้อยากให้มีการผ่อนผันเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วนด้วย เนื่องจากในกลุ่มเรือประมงไดหมึกตำบลเพ กว่า 200 ลำ ส่วนใหญ่มีชาวกัมพูชาเป็นไต๋เรือ หรือผู้ควบคุมเรือ

ด้านนายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า การจับกุมเรือประมงเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา จากการสอบตรวจสอบเป็นการทำผิดกฎหมาย เนื่องจากไต๋เรือเป็นชาวกัมพูชา กฎหมายได้กำหนดให้ไต๋เรือ หรือผู้ควบคุมเรือเป็นคนไทยเท่านั้น เนื่องจากปัญหาด้านความมั่นคง และคดีไม่มีใบอนุญาตวิทยุสื่อสารบนเรือแต่อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าว ก็จะมีการหารือบนพื้นฐานของข้อกฎหมาย และส่งเรื่องไปให้ คสช.พิจารณาต่อไป



วฐิต/ข่าว

จัดหางานจังหวัดระยอง มอบเงินชดเชยแรงงานไทยชาวจังหวัดระยอง 4 คน หลังเดินทางไปทำงานยังประเทศลิเบีย แล้วถูกส่งตัวกลับ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ

จัดหางานจังหวัดระยอง มอบเงินชดเชยแรงงานไทยชาวจังหวัดระยอง 4 คน หลังเดินทางไปทำงานยังประเทศลิเบีย แล้วถูกส่งตัวกลับ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ขณะที่ 4 แรงงานชาวจังหวัดระยอง ยันหากเหตุการณ์สงบจะกลับไปทำงานยังประเทศลิเบียต่อเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 8 ก.ย.ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดระยอง นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมนายอมรเทพ อินทรสกุล จัดหางานจังหวัดระยอง เป็นตัวแทนมอบเงินมอบเงินชดเชยแรงงานไทยชาวจังหวัดระยอง 4 รายๆละ 15,000 บาท ประกอบด้วย นายชัยรัตน์ เขมศิริบรรพต อายุ 58 ปี นายพุฒิ คนใจบุญ อายุ 48 ปี นายชญานนท์ พึ่งพิมาย อายุ 57 ปี และนายคำรพ บุญจันทร์ อายุ 51 ปี หลังเดินทางไปทำงานยังประเทศลิเบีย แล้วถูกส่งตัวกลับ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ
นายอมรเทพ อินทรสกุล จัดหางานจังหวัดระยอง กล่าวว่า ตามที่ได้มีประกาศอพยพแรงงานไทยที่ประสบปัญหาจากเหตุการณ์ความสงบในประเทศลิเบียกลับประเทศไทย และสำนักบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน ได้ประสานให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดระยอง ดำเนินการเพื่อให้การช่วยเหลือสงเคราะห์สมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจกับคนงานดังกล่าว ในกรณีที่เดินทางกลับก่อนกำหนด จึงได้มอบเงินช่วยเหลือดังกล่าว
ด้าน นายชัยรัตน์ เขมศิริบรรพต อายุ 58 ปี แรงงานไทยในลิเบีย กล่าวว่า เดินทางไปทำงานกับกับบริษัทซ่อมท่อน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมัน ในเมืองจาโร ประเทศลิเบียมา 19 ปีแล้ว

จากการเหตุการณ์สู้รบกันดังกล่าว ทำให้บริษัทเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย จึงส่งตัวกลับพร้อมกับแรงงานไทยอีกประมาณ 76 คน โดยเดินทางมาถึงเมืองไทย ช่วงกลางดึกวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้หากเหตุการณ์สงบแล้ว ก็พร้อมที่จะกลับไปทำงานตามเดิมต่อไป



วฐิต/ข่าว

สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า จัดเวทีส่งเสริมจิตสำนึกความเป็นพลเมือง สิทธิและหน้าที่ของพลเมือง มุ่งเน้นสร้างความปรองดองของคนในชาติ

สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า จัดเวทีส่งเสริมจิตสำนึกความเป็นพลเมือง สิทธิและหน้าที่ของพลเมือง มุ่งเน้นสร้างความปรองดองของคนในชาติ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 6 ก.ย.ที่โรงแรมสตาร์ระยอง นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในการเปิดเวทีเสวนาส่งเสริมจิตสำนึกความเป็นพลเมือง สิทธิและหน้าที่ของพลเมือง ซึ่งจัดขึ้นโดยสภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า มีประชาชนเข้าร่วมเวทีเสวนา จำนวน 200 คน
ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมือง และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งเสริมความมั่นคงของชาติผ่านมุมมองแบบสันติวิธีให้ประชาชนในชาติอยู่เย็นเป็นสุข มีความสามัคคี เคารพซึ่งกันละกัน และเสริมสร้างวัฒนธรรมอันดีทางการเมืองตามวิถีชีวิตประชาธิปไตย รวมทั้งมุ่งเน้นส่งเสริมการสร้างสังคมปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ


วฐิต/ข่าว

สำนักงานพลังงานจังหวัดระยอง จัดการบรรยายความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกอบกิจการปิโตรเลียมนอกฝั่ง เพื่อประกอบกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็น ของบริษัท เอ็มพี บี ๕(ประเทศไทย) จำกัด

วันนี้ (๘ กันยายน ๒๕๕๗) เวลา ๐๙.๓๐ น. นายธีรวัฒน์ สุดสุข ปลัดจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิด "การบรรยายความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกอบกิจการปิโตรเลียมนอกฝั่ง” ณ. ห้องประชุมศรีสมุทรโภคชัย ศาลากลางจังหวัดระยอง

 การบรรยายในวันนี้ มีผู้เข้าร่วมที่เป็นตัวแทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดระยอง พร้อมด้วยตัวแทนของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน และผู้แทนบริษัทผู้รับสัมปทานการสำรวจและผลิต โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดการบรรยาย เพื่อ

๑. ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย ให้กับส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดได้รับทราบ
๒. ประชาสัมพันธ์แผนการจัดกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็นในขั้นตอนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ "โครงการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมของบริษัท เอ็มพี บี ๕(ประเทศไทย) จำกัด แปลสำรวจในอ่าวไทยหมายเลข บี ๕/๒๗”

กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลางจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

วันนี้ (8 ก.ย.57)  ที่โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา  นายไพศาล  วิมลรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง ครั้งที่ 2/2557  ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการSMEsและพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน พ.ศ. 2557 และ โดยมี นายกิตติพันธุ์ โรจนชีวะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา   นายประกอบ  วิวิธจินดา  อุตสาหกรรมจังหวัดเชิงเทรา  พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง และผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า50 คน เข้าร่วมสัมมนา เพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ผ่านกลไกของคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ(กบก.)ใน18กลุ่มจังหวัด รวมทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายระดับพื้นที่ ในการระดมความคิดเห็นและความต้องการที่แท้จริงของพื้นที่ในการนำเสนอของบประมาณต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่อไป



ชาญณรงค์/ข่าว
ธนภัทร/ภาพ
ส.ปชส.ฉะเชิงเทรา