วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เรียกประชุมหัวหน้าส่วน เพื่อรับมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการ สร้างความเข้าใจกรณีการประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก

เช้านี้ ( 21 พ.ค.) ที่ประชุมบูรพา ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานการประชุมเพื่อรับมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการในจังหวัดสระแก้ว กรณีการประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด อัยการจังหวัด ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ผู้บังคับการทหารบกจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการทุกส่วน หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอทุกอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรีทุกแห่ง เข้าร่วมรับฟัง

ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ภายหลังจากที่มี การประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก คุมพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. 2557 ตั้งแต่เวลา 03.00 น. เป็นต้นไป ทังนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.กอ.รส.) ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เข้าร่วมประชุมรับทราบนโยบาย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ แจ้งว่า จุดประสงค์ของการประกาศกฎอัยการศึกก็เพื่อทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง เพราะสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่มีต้องการจะก่อความรุนแรงให้ยุติการกระทำ ขอความร่วมมือผู้ใดหรือหน่วยงานใดที่มีการปลุกปั่น ยุยง ชักชวนให้เกิดความวุ่นวายหรือก่อให้เกิดเหตุเผชิญหน้า การใช้สื่อใดๆ ไม่ควรเลือกข้าง ไม่แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ให้เกิดความเข้าใจที่ผิด สังคมควรหันหน้าเข้าหากัน ขอให้ทุกฝ่ายประนีประนอมกัน คนไทยเหมือนกัน และไม่ควรดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้อง

ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวต่อ ในส่วนตัวสนับสนุนการประกาศใช้กฎอัยการศึกครั้งนี้ ยังเป็นโอกาสที่ข้าราชการจะได้ปฏิรูปประเทศด้วย ขอให้หัวหน้าส่วนราชการทั้งหลายที่มาประชุมวันนี้ กลับไปสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน ได้รับทราบซึ่งการประกาศใช้กฎอัยการศึกครั้งนี้ เป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยและนำความสงบสุขกลับมาสู่ประชาชนทุกฝ่ายโดยเร็ว ประชาชนยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ



(ดุลยศักดิ์/ส.ปชส.สระแก้ว/ภาพ-ข่าว)

วันนัดพบแรงงานจังหวัดสระแก้ว

วันนี้ (21 พ.ค.) ที่ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี จังหวัดสระแก้ว  สำนักงานจัดหางานจังหวัดสระแก้ว จัดงานวันนัดพบแรงงาน สำหรับผู้ว่างงาน ผู้ต้องการเปลี่ยนงานสระแก้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประสงค์หางานทำ ผู้ว่างงาน ผู้สำเร็จการศึกษาได้มีโอกาสสมัครงานกับนายจ้างโดยตรง และลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน การว่างงาน ซึ่งในงานนอกจากจะมีตำแหน่งงานว่างสำหรับผู้ว่างงานในทุกระดับการศึกษา โดยมีผู้ประกอบการมารับสมัครเองโดยตรงพร้อมกับตำแหน่งงานว่างมากมาย

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดสระแก้ว ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัด โทร. 037-425020-2 ในวันและเวลาราชการ

“สนทนายามเช้า สภากาแฟ ” จังหวัดฉะเชิงเทรา

วันนี้ ( 21 พ.ค.57)   นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา  เป็นประธานในกิจกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด และการติดตามประเมินผลการดำเนินการงานตามแผนปฏิบัติราชการ ประจำปี พ.ศ. 2557 : การพัฒนาบุคคลากร( สภากาแฟ) ณ  ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนบางปะกง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา  พร้อมด้วย  นายบัณฑิตย์  เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด  นาย ไพศาล วิมลรัตน์   รองผู้ว่าราชการจังหวัด  ตลอดจนส่วนราชการ  หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ  ภาคเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพบปะสนทนาระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์  รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ สร้างสัมพันธ์อันดีต่อกัน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการบูรณาการร่วมกัน  เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทราในทุกด้าน

สำหรับการจัดกิจกรรม "สนทนายามเช้า สภากาแฟ ” จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการจัดขึ้นเป็นประจำในทุกเดือน  โดยในเดือนพฤษภาคมนี้ ทางหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรม  ภายในงานจัดบรรยากาศแบบเป็นกันเอง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเชิงสร้างสรรค์ เปิดมุมมองใหม่ๆ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกัน



ชาญณรงค์/ข่าว
ธนภัทร/ภาพ
ส.ปชส.ฉะเชิงเทรา

ชื่นมชมเด็ก ป.5 เก็บสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ส่งคืนเจ้าของ

ชื่นชม เด็ก ป.5 เก็บสร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท คืนเจ้าของ เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 21 พ.ค.ที่ศาลาสร้างสุข ม.2 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายปรีชา จิตบรรจงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง มอบเงินสด 4,000 บาท และเกียรติบัตรให้กับ ด.ช.พงศธร เสืออ่วม และ ด.ช.อิทธิ ทรัพย์สะอาด เด็กนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนนิคมสร้างตนเองจังหวัดระยอง 9 ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและกระทำความดีต่อสังคม หลังเด็กนักเรียนทั้ง 2 คน เก็บสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ ส่งคืนเจ้าของ เพื่อเป็นการแสดงความชื่นชม เชิดชู และยกย่องในคุณงามความดีที่ ได้กระทำ และเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแสดงให้แก่เยาวชนเด็กนักเรียนได้เห็น จึงได้มีการมอบเงินรางวัลและเกียรติบัตรดังกล่าวให้

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ด.ช.พงศธร เสืออ่วม และ ด.ช.อิทธิ ทรัพย์สะอาด ได้เก็บสร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทองดังกล่าวได้ภายในบริเวณวัดเจริญศรีราษฎร์ ม.1 ต.พนานิคม ขณะทั้ง 2 คน ได้ติดตามผู้ปกครองไปทำบุญที่วัด หลังเก็บได้จึงได้นำมาให้ผู้ปกครอง เพื่อประกาศหาเจ้าของ จนกระทั่งทราบว่านางนาตยา สุขพงษ์ไทย ชาว ต.แสนภูดาษ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา คือเจ้าของ จึงนำส่งคืนให้ สร้างความปราบปลื้มให้กับนางนาตยา เจ้าของ เป็นอย่างมาก โดยได้มอบเงินเป็นรางวัลให้กับเด็กทั้ง 2 คน เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท เพื่อเป็นการแสดงความมีน้ำใจ และชมเชยในความดีของเด็กทั้ง 2 คนไปก่อนหน้านี้แล้ว

ระยอง ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่บริการประชาชนพื้นที่ห่างไกล

ระยอง นำหน่วยบริการเคลื่อนที่ให้บริการประชาชนฟรี ตามโครงการ "หน่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” พร้อมรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่

 เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่ศาลาสร้างสุข ม.2 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดนำหน่วยบริการเคลื่อนที่จากส่วนราชการต่างๆ ตามโครงการ"บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน" ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง โดยนายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง ที่ได้นำหน่วย อบจ.เคลื่อนที่ ออกให้บริการประชาชนด้วย มีนายทรรศนะ วิชัยธนพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นางสุปราณี ชาตไพสิฐ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระยอง ผู้นำ อปท.และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ร่วมเป็นเกียรติฯ โดยหน่วยบริการเคลื่อนที่ดังกล่าว มีการให้บริการหลายด้านด้วยกัน เช่น แจกถุงยังชีพผู้ยากไร้ มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์กีฬา แว่นตา บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้น วัดความดันโลหิต อุดฟัน ถอนฟัน ตัดผม เสริมสวย ฉีดวัคซีนสุนัข แมว แจกจักรยานให้เด็กนักเรียน แจกจ่ายพันธุ์ไม้ พันธุ์ปลา นิทรรศการความรู้ด้านต่างๆ และจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จากกลุ่มแม่บ้านในพื้นที่ ทั้งนี้การนำหน่วยเคลื่อนที่มาบริการฟรีแก่ประชาชนครั้งนี้ ถือเป็นการลดค่าใช้จ่าย และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล นายวิชิต เปิดเผยว่า การออกหน่วยเคลื่อนที่ ให้บริการประชาชนในโครงการ"บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน" ในครั้งนี้ นอกจากจะมีการให้บริการฟรีหลายอย่างแล้ว ส่วนราชการยังได้มารับทราบปัญหาความต้องการ ความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำกลับไปจัดทำแผนงบประมาณให้การช่วยเหลือต่อไปอีกด้วย

ระยอง จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลาสร้างสุข ม.2 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ โดยมีนายทรรศนะ วิชัยธนพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นาย อบจ.ระยอง นายสายหยุด อาบสุวรรณ เกษตรจังหวัดระยอง หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดระยอง ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมงานจำนวนมาก

ซึ่งการจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ ดังกล่าว จัดขึ้นโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง ภายในงานมีการให้บริการจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คลินิกพืช คลินิกดิน คลินิกสัตว์ คลินิกประมง คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกชลประทาน คลินิกกฏหมายปฎิรูปที่ดิน คลินิกเกษตรและสหกรณ์ คลินิกศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชลบุรี คลินิกหม่อนไหม และคลินิกกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางพารา นอกจากนี้ยังได้จัดให้มีกิจกรรมสนับสนุนโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวฯ นิทรรศการของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย

นายสายหยุด อาบสุวรรณ เกษตรจังหวัดระยอง กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จัดขึ้นเพื่อให้บริการแก่เกษตรกร ในการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ได้อย่างรวดเร็ว และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกัน ระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกร ให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนต่อไป

ตรวจสอบเรือลากจูงแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ส่งขายประเทศกัมพูชา บริเวณหน้าด่านเกาะเสม็ด พบรถจักรยานยนต์เพิ่มอีก 2 คัน ซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องเรือ มีกระสอบน้ำตาลทรายปิดทับตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจคลิกเพื่อบอก Gmail ว่าการสนทนานี้สำคัญ

จากกรณีที่ พ.ต.ท.ชัยพงษ์ แสงพงษ์ชัย รอง ผกก.ป สภ.เพ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เจตนพัฒน์ แจ่มแจ้ง สวป.สภ.เพ ประจำตู้ยามเกาะเสม็ด อ.เมืองระยอง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง เข้าจับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ที่บริเวณหน้าด่านท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ซุกซ่อนรถจักรยานยนต์มาในเรือลากจูง ชื่อ"เรือโชคสนธิชัย 3” โดยใช้กระสอบที่บรรจุน้ำตาลทราย ปิดทับไว้ตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ผู้ต้องหา 2 คน คือนายพงษ์พันธ์ สนธิชัย อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/1 ม.5 ต.เชียงราก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี และนายสุรสิทธิ์ จูกลิ่น อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 ม.3 ต.หนองราชวัตร อ.หนองหญ้าใส จ.สุพรรณบุรี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ 4 คัน เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า 3 คัน และยี่ห้อยามาฮ่า 1 คัน ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า รถจักรยานยนต์ทั้ง 4 คัน ได้รับซื้อมาจากเครือข่ายแก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ในราคาคันละ 3,000 บาท โดยจะนำไปจำหน่ายให้เครือข่ายประเทศกัมพูชาในราคา คันละ10,000 บาท ทั้งนี้ก่อนถูกจับกุมได้นำรถจักรยานยนต์ขนลงเรือมาจาก จ.สมุทรปราการ ลอยลำมาทางทะเล ใช้เส้นทางเดินเรือผ่าน จ.ระยอง และผ่านน่านน้ำไทยฝั่ง จ.ตราด ก่อนจะเข้าสู่ประเทศกัมพูชาต่อไป ซึ่งขณะลอยลำ และจอดเรือพักบริเวณหน้าด่านท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เพ พบพิรุธ และขอตรวจค้น จนพบของกลางจักรยานยนต์ที่โจรกรรมมาซุกซ่อนอยู่ในเรือ ความคืบหน้าล่าสุด

วันนี้ (21 พ.ค.) เวลา 13.30 น.ที่บริเวณท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด พ.ต.ท.ชัยพงษ์ แสงพงษ์ชัย รอง ผกก.ป สภ.เพ และพ.ต.ท.อำนาจ ภูษิต สวส.สภ.เพ ได้รับแจ้งจากนายชุมพร ข่าวผ่อง และนายสมชาย อินทนานนท์ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – เกาะเสม็ด ว่า ยังพบรถจักรยานยนต์ ซุกซ่อนอยู่ในเรืออีก จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ ไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็ก 150 สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และรุ่นเวฟ 125 สีบอร์น-ดำ ไม่ติดแผ่นทะเบียนเช่นเดียวกัน ซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องเรือบริเวณห้องเครื่องเรือ โดยมีกระสอบบรรจุน้ำตาลทรายปิดทับไว้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปตรวจสอบหาเจ้าของ พร้อมกับสอบสวนผู้ต้องหา และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เพื่อให้ติดตามจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งต่อไป... เอกสารแนบ 4 ฉบับ — ดาวน์โหลดเอกสารแนบทั้งหมด ดูรูปภาพทั้งหมด แชร์ข้อความทั้งหมด


วฐิต/ข่าว

เหล่ากาชาดจังหวัดตราด ร่วมโรงพยาบาลตราดจัดหน่วยรับบริจาคโลหิต ที่เทศบาลตำบลหนองเสม็ด ขณะที่กำลังพลทหารจากฐานอัคนิรุธ แจ้งความประสงค์บริจาคโลหิตคึกคัก

(21 พ.ค. 57) นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดตราด มอบหมายให้คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตราด จัดหน่วยออกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ที่เทศบาล ต.หนองเสม็ด เพื่อเก็บสำรองไว้กับโรงพยาบาลตราด เนื่องจากในช่วงนี้ เกิดพบว่ามีการขาดแคลนโลหิต ขณะเดียวกันทหารหน่วยกองร้อยทหารปืนใหญ่ที่ 1 กองพันทหารปืนใหญ่ ที่มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลหนองเสม็ด เดินทางมาร่วมบริจาคโลหิตกันอย่างคึกคักด้วย

สำหรับการจัดหน่วยออกรับบริจาคโลหิตในครั้งนี้ทางคณะกรรกมารเกล่ากาชาดจังหวัดตราดได้ออกรับบริจาคอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้มีการแจกคู่มือ เรื่อง ใครสามารถบริจาคโลหิตได้บ้าง ที่ ระบุว่า ผู้บริจาคโลหิต ต้องมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป มีอายุระหว่าง 17 ถึง 60 ปี สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อย่างระหว่างไม่สบายหรือกำลังรับประทานยาใด ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด สตรีที่จะบริจาคโลหิต ต้องไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริจาคโลหิตจะได้รับเข็มที่ระลึกในการบริจาคครั้งแรกและได้รับเข็มที่ระลึกเมื้อบริจาคเลือดครบจำนวนครั้ง เช่น 36 ครั้ง 48 ครั้ง 60 ครั้งและ 72 ครั้ง เป็นต้น รวมทั้งได้เหรียญกาชาดสมานาคุณตามที่ศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติกำหนด และหากบริจาคเลือดครบ 100 ครั้งก็จะได้รับการชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิกชมรมผู้บริจาคโลหิต 100 ครั้งและร่วมทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์สังคมต่อไป

ด้าน เรือเอกกรัชพล สหนาวิน ผู้บังคับกองร้อยทหารปืนใหญ่ที่ 1 ฐานอัคนิรุธ กองพันทหารปืนใหญ่ กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ซึ่งที่ตั้งฐานอยู่ในพื้นที่ ตำบลหนองเสม็ด ได้นำกำลังพลร่วมบริจาคโลหิตจำนวนมาก โดยระบุว่า การนำกำลังเข้าร่วมบริจาคโลหิตครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้กำลังพลได้ร่วมทำบุญด้วยการบริจาคโลหิต เพื่อให้โลหิตเหล่านี้ได้มามีส่วนช่วยเหลือประชาชนที่เจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ และต้องการต้องการโลหิตใช้ในการรักษาตัว

ขนส่งจังหวัดตราด ย้ำ ผู้โดยสารรถสาธารณะปฏิบัติตามกฎหมายคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง

(21 พ.ค. 57) นางแสงจันทร์ จวบความสุข ขนส่งจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ตามกรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้รถโดยสารสาธารณะทุกคันต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อให้สามารถกำกับดูแลให้ผู้โดยสารจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ รวมทั้งเพื่อให้ผูประกอบการขนส่ง และพนักงานขับรถกำกับดูแลให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวอย่างเคร่งครัด กรมการขนส่งทางบกจึงได้เสนอให้มีการออกกฎกระทรวง กำหนดความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยที่ผู้โดยสารต้องปฏิบัติในระหว่างการโดยสาร พ.ศฐ. 2557 กำหนดให้ผู้โดยสารรถสาธารณะจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่อยู่ระหว่างการโดยสาร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ทั้งนี้เนื่องจากผลการวิจัยทางวิชาการที่ระบุไว้ว่า ผู้ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์มากกว่าผู้ที่คาดเข็มขัดนิรภัยถึง 1.52 เท่า และพบว่าการคาดเข็มขัดนิรภัยสามารถช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากทางรถยนต์ได้ถึงร้อยละ 34 หรือมีผู้ที่คาดเข็มขัดนิรภัยสามารถรอดชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรได้ 34 ราย จาก 100 ราย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นในต่างประเทศที่ยืนยันว่าเข็มขัดนิรภัยเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ สามารถบรรเทาความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับผู้โดยสารรถยนต์กรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นสำนักงานขนส่งจังหวัดตราดจึงขอให้ประชาชนที่ใช้บริการรถยนต์โดยสารสาธารณะปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวทุกครั้ง หากไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามกฎหมาย

เกษตรกรจังหวัดตราด นำผลผลิต เงาะพันธุ์บาบาลู ที่ทดลองปลูกในพื้นที่ออกแสดงและจำหน่ายในงานวันระกำหวาน ผลผไม้ และของดีเมืองตราด

(21 พ.ค. 57) ตามที่จังหวัดตราด ได้จัดงานวันระกำหวาน ผลไม้ และของดีเมืองตราด ประจำปี 2557 ขึ้นระหว่างวันที่ 21 -25 พฤษภาคม นี้ ณ บริเวณบ้านท่าจอด ตำบลแสนตุ้ง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ทั้งนี้เป็นการประชาสัมพันธ์ผลผลิตผลไม้ของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักของประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยมีมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การประกวดผลไม้ 8 ชนิด การออกร้านจำหน่ายผลไม้ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น คือการแสดงและจำหน่ายเงาะพันธุ์บาบาลู จากอินโดนิเซีย ที่เกษตรกรจังหวัดตราดนำมาทดลองปลูกในพื้นที่มื่อหลายปีที่แล้ว จนให้ผลผลิตแล้วในปัจจจุบัน

นางจิรารักษ์ คณาญาติ เจ้าของเงาะพันธุ์ " บาบาลูก " อายุ 59 ปี อยู่บ้านตกตัก ตำบลสะตอ อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ที่นำเงาะพันธุ์บาบาลูกมาวางจำหน่าย กล่าวว่านับว่าเป็นเงาะพันธุ์แปลกใหม่ที่ถูกนำมาวางขายเป็นครั้งแรกของงานวันระกำหวานผลไม้และของดีเมืองตราด หรือเรียกว่า หลายคนแทบจะไม่เคยพบเห็นเงาะพันธุ์นี้มาก่อนเลย ก่อนหน้านี้ได้นำพันธุ์เงาะบาบาลูมาจทดลองปลูกในพื้นที่ตำบลสะตอประมาณ 100 ต้น โดยนำพันธุ์มาจากงานพืชสวนโลก ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อหลายปีก่อน โดยเงาะพันธุ์นี้ตนได้ลองถูกลองผิดในการปลูก จนปัจจุบันให้ผลประมาณ 50 ต้น จึงทดลองมาทำตลาดโดยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท สำหรับเงาะพันธุ์นี้มีผลรูปทรงค่อนข้างกลมอ้วนใหญ่กว่าเงาะโรงเรียน เปลือกหนา มีขนค่อนข้างแข็ง เนื้อเงาะมีรสชาตินุ่มหอมหวาน เนื้อร่อน เงาะพันธุ์บาบาลู เป็นเงาะที่น่าส่งเสริมให้มีการปลูกมากขึ้น แม้ว่าจะให้ผลผลิตค่อนข้างยาก แต่หากมีการส่งเสริมอย่างจริงจังน่าจะเป็นพืชทางเลือกใหม่อีกชนิดที่น่าสนใจ

งานวันระกำหวาน ผลไม้ และของดีเมืองตราด ประจำปี 2557 นำเกษตรกรชาวสานผลไม้มาจำหน่ายในโดยตรงจากสวนถึงผู้บริโภคในราคาประหยัด

(21 พ.ค. 57) บรรยากาศการจัดงานวันระกำหวาน ผลไม้ และของดีเมืองตราด ประจำปี 2557 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 25 พฤษภาคม 2557 บริเวณบ้านท่าจอด อ. เขาสมิง โดยงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรได้นำผลผลิตผลไม้ภายในสวนของตัวเองออกมาจำหน่าย ให้นักท่องเที่ยวและผู้คนโดยทั่วไปได้จับจ่ายซื้อหาไปรับประทานและเป็นผลไม้นำไปฝากญาติมิตรพี่น้อง ทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด และกระจายรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ และส่งเสริมการแปรรูปผลไม้ สำหรับราคาผลไม้ในงานวันระกำหวานผลไม้และของดีเมืองตราด ประจำปี 2557 ที่บ้านท่าจอด อ.เขาสมิง ได้เปิดโอกาสให้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ นำผลไม้จากสวนมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ในราคาประหยัด ประกอบด้วย เงาะโรงเรียน กิโลกรัมละ 32 -34 บาท ทุเรียนหมอนทองกิโลกรัมละ 40 -50 บาท มังคุด ผลใหญ่ กิโลกรัมละ 50 บาท ผลเล็กเกรดต่ำลงมา 30 กิโลกรัม 100 บาท ลองกองซึ่งเป็ช่วงต้นฤดูราคากิโลกรัมละ 50 บาท กระท้อนกิโลกรัมละ 20 บาท สละพันธุ์สุมาลีกิโลกรัมละ 90 บาท ส่วนพันธุ์เนินวง 40 – 50 บาท ขณะที่ระกำหวานผลไม้ประจำจังหวัดตราด ปีนี้ก็ยังคงมีจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 30 บาท นอกจากนี้ยังมีผลไม้อื่น ๆ ให้เลือกซื้อเลือกชิมอย่างครบครัน รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรจากลุ่มวิสาหกิจชุมชน สินค้า OTOP การแสดงนิทรรศการทางการเกษตรก การประกวดผลิตผลทางการเกษตร อาทิ ไก่ชน สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน เป็นต้น

งานวันระกำหวาน ผลไม้ และของดีเมืองตราด ประจำปี 2557 เริ่มขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ

(21 พ.ค. 57) นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดงานวันระกำหวาน ผลไม้ และของดีเมืองตราด ประจำปี 2557 ซึ่งจังหวัดตราด ร่วมกับทุกอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมกันจัดขึ้นบริเวณด่านบ้านท่าจอด ตำบลแสนตุ้ง อำเภอเขาสมิง โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวสนใจร่วมชมงาน

ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า งานนี้จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 21 – 25 พฤาภาคม 2557 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ชื่อเสียงผลไม้ที่มีคุณภาพของจังหวัด อีกทั้งเป็นการส่งเสริมทางด้านการตลาดให้กับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ ผู้ผลิตสินค้าชุมชน และท้องถิ่นของจังหวัดตราด ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัด การจัดงานนี้ภายในงานมีกิจกรรมที่หลากหลาย ประกอบด้วย การประกวดผลไม้ ทั้งระกำหวาน ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ลองกอง สับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง มังคุด และเงาะโรงเรียน การเปิดตลาดนัดผลไม้คุณภาพราคาถูก การประกวดอาหารพื้นบ้าน การประกวดไก่ชน และสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน อย่างไรก็ตามหลังการเปิดงานในครั้งนี้ยังมีการประกอบอาหาร คือ การปรุงข้าวผัดน้ำพริกระกำกระทะยักษ์ รับประทานร่วมกับแกงเลียงผักปลอดภัยจากสารพิษไว้เลี้ยงผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย

จ.จันทบุรี แถลงข่าวงานสุดยอดของดีเมืองจันท์ มหัศจรรย์ทุเรียนโลก 2557

จังหวัดจันทบุรีแถลงข่าวงานเทศกาลของดีเมืองจันท์ มหัศจรรย์ทุเรียนโลก 30 พฤษภาคมถึง 8 มิถุนายนพิธีเปิด 31 พฤษภาคม ยิ่งใหญ่ย้อนประวัติศาสตร์จันทบูร ตื่นตาสุดยอดของดีเมืองจันท์ โชว์ทุเรียนสีทอง มหัศจรรย์ของธรรมชาติ 

วันนี้ ( 21 พ.ค.57 ) ที่ห้องส่งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สำนักประชาสัมพันธ์เขต 7 จังหวัดจันทบุรี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีได้จัดแถลงข่าว การจัดงานสุดยอดของดีเมืองจันท์ มหัศจรรย์ทุเรียนโลก ประจำปี 2557โดยก่อนแถลงข่าวผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้โชว์ตำส้มตำทุเรียน อาหารพื้นเมืองที่รับประทานได้เฉพาะช่วงฤดูผลไม้ หลังจากนั้นนายเกรียงเดช เข็มทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยนายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร เกษตรจังหวัด นางสาวอภิรดี ศิริวิจิตรกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรีและนายธำรง กนะกาศรัย ตัวแทนสำนักงานจังหวัดจันทบุรีได้ร่วมกันแถลงข่าว มีการนำทุเรียนสีทองของสวนทิดดำ อำเภอนายายอาม มาตั้งแสดงโชว์ ซึ่งเป็นทุเรียนแปลกที่มีสีสันต์สวยงามเหลืองทองอร่ามทั้งลูก

สำหรับงานเทศกาลของดีเมืองจันท์ มหัศจรรย์ทุเรียนโลก ประจำปี 2557 ซึ่งเป็นงานประจำปีของจังหวัดจันทบุรีที่จัดขึ้นในช่วงฤดูผลไม้เพื่อเป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ของดีเมืองจันท์ สร้างรายได้เกษตรกร รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยปีนี้กำหนดจัดงานในช่วงที่ผลไม้ของเกษตรกรออกสู่ตลาดจำนวนมาก ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม ถึง 8 มิถุนายน 2557 ณ บริเวณโดยรอบสวนสาธารณะทุ่งนาเชย และสนามกีฬากลาง รูปแบบของงานมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรี OUT SIDE IN  สร้างภาพลักษณ์และความประทับใจแก่ผู้มาเยือน เน้นประชาสัมพันธ์คุณภาพผลผลิตทางการเกษตร ผลไม้จากสวน รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปผลผลิต ยกระดับรายได้เกษตรกร ภายในงานจะมีการจัดแสดงแพผลไม้ประดับไฟ นิทรรศการของดีเมืองจันท์ 10 อำเภอ การออกร้านจำหน่ายสินค้าของดีเมืองจันท์โดยเฉพาะผลไม้คุณภาพของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตร นิทรรศการความรู้ทางการเกษตร การประกวดผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร ถนนผลไม้ แข่งกินผลไม้ แข่งกินอาหารทะเล การจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP การออกร้านอาหารพื้นเมืองและอาหารทะเล ประกวดธิดาชาวสวน การแสดงบนเวทีตลอด 10 คืน กิจกรรมพานักท่องเที่ยวชมและชิมผลไม้สดจากต้นในสวนผลไม้ ทั้งนี้พิธีเปิดงาน สุดยอดของดีเมืองจันท์ มหัศจรรย์ทุเรียนโลก ประจำปี 2557 กำหนดเปิดงานในเย็นวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2557 ณ เวทีกลาง อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ เทศบาลเมืองจันทบุรี ( อาคารกระต่าย ) ชมริ้วขบวนประวัติศาสตร์เทิดพระเกียรติฯ อลังการสุดยอดของดีเมืองจันท์


 
จรัล/ภาพ/ข่าว ( 21 พ.ค.57 )
                ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจข่าว


  

   

อบจ.ชลบุรี จัดโครงการ อบจ.สัญจร

องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี จัดโครงการ อบจ.สัญจร พบปะผู้นำท้องถิ่น และเผยแพร่ให้ความรู้ด้านการกีฬาสู่มวลชนและเยาวชนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี ณ โรงเรียนพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ เพื่อตอกย้ำการเป็น “เมืองชล คนกีฬา” อย่างแท้จริง

ณ ห้องประชุมโรงเรียนชุมชนบ้านคลองพลู อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ อบจ.ชลบุรี สัญจร เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาจังหวัดชลบุรี ประจำปี 2557 ตามนโยบายหลักในการพัฒนาจังหวัดชลบุรี ภายใต้แนวคิด "พัฒนาเมืองชล สร้างคน สร้างเศรษฐกิจ" นโยบายข้อที่ 1 ด้านความสัมพันธ์และการประสานงานท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์การจัดโครงการฯ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองท้องถิ่น กับองค์กรภาครัฐ เพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น บุคลากรของ อปท. ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองท้องที่ หน่วยงานภาครัฐ ทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาท และการมีส่วนร่วมในการสร้างความเข้มแข็งชุมชน เพื่อทราบปัญหาในการพัฒนาท้องถิ่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ คณะผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้ปกครองท้องที่ ผู้นำชุมชนกลุ่มต่างๆ จำนวน 299 คน และในเวลา 16.00 น. นายกวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมเผยแพร่และให้ความรู้ด้านการกีฬาสัญจรสู่มวลชนท้องถิ่น จังหวัดชลบุรี ประจำปีงบประมาณ 2557 (Sports Clinic) ซึ่งได้มีการมอบอุปกรณ์ด้านการกีฬา แก่หน่วยงานที่ร่วมโครงการฯ และกิจกรรมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทีมอาวุโส วี.ไอ.พี.องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี กับ ทีมอาวุโส วี.ไอ.พี.ผู้นำท้องถิ่น อ.สัตหีบ ผลการแข่งขันในครั้งนี้ วี.ไอ.พี.องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เอาชนะ ทีมอาวุโส วี.ไอ.พี. ผู้นำท้องถิ่น อำเภอสัตหีบ 2 : 0

นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า “อบจ.ชลบุรี ได้จัดโครงการ อบจ.สัญจร เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาจังหวัดชลบุรี และการฝึกอบรมส่งเสริมเผยแพร่และให้ความรู้ด้านการกีฬาสัญจรสู่มวลชนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี จำนวน 11 ครั้ง ในช่วงเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม 2557 โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือ การพบปะพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่น ในพื้นที่ต่างๆ ทุกอำเภอของจังหวัดชลบุรี  และบรรยายพิเศษ เรื่องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น  พร้อมกับกิจกรรมแข่งขันฟุตบอลกระชับความสัมพันธ์ของทีมอาวุโส วีไอพี ของ อบจ.ชลบุรีและท้องถิ่นนั้นๆ ส่วนกิจกรรมที่ 2 จะเป็นกิจกรรม sport clinic ให้ความรู้ด้านกีฬาแก่เยาวชนในพื้นที่ เพื่อเป็นการเสริมทักษะการกีฬา และให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์  ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักกีฬาฟุตบอลของทีมชลบุรีเอฟซี ในการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ เพื่อร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน ที่เข้าร่วมโครงการ ในการพัฒนาให้เป็นนักกีฬาอาชีพ เพื่อตอกย้ำการเป็น “เมืองชล คนกีฬา” อย่างแท้จริง พร้อมกับการมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนที่ร่วมโครงการ



ปริญญา/ข่าว/ภาพ

สมิติเวชศรีราชาจัดซ้อมแผนรองรับอุบัติภัยหมู่ทางทะเลภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ครั้งที่ 1

รพ.สมิติเวชศรีราชา บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดซ้อมแผนรองรับอุบัติภัยหมู่ทางทะเลภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ครั้งที่ 1 หวังพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลและระบบการส่งต่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยและอุบัติเหตุทางทะเล

โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชาได้จัดให้มีการจัดซ้อมแผนรองรับอุบัติภัยหมู่ทางทะเล ภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ครั้งที่ 1 ประจำปี 2557 ณ บริเวณท่าเทียบเรือเกาะลอย อำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรี โดยได้รับความมือจากอำเภอศรีราชา, เทศบาลเมืองศรีราชา,เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์,กองกำกับการตำรวจน้ำศรีราชา,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย,ท่าเรือแหลมฉบังการท่าเรือแห่งประเทศไทย, สมาคมพุทธมามกสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา และพุทธสมาคมเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา ทั้งนี้ได้มีการจำลองสถานการณ์เรือโดยสารท่องเที่ยวแบบเช่าเหมาลำที่ได้บรรทุกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวน 10 คนเดินทางไปกราบไหว้ขอพรองค์เจ้าพ่อเขาใหญ่ อำเภอเกาะสีชัง แต่ระหว่างเดินทางกลับฝั่งศรีราชา ได้เกิดพายุฝนและน้ำได้เข้าเรือจนเป็นเหตุให้เรือล่มกลางทะเลและหนึ่งในนักท่องเที่ยว ได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากญาติในอำเภอศรีราชาก่อนประสานขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชและโรงพยาบาลฯ ได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นฝั่งและนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยการซ้อมแผนในครั้งนี้ใช้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆบูรณาการร่วมกันจำนวน 40 คน

ด้านนายจักรพงษ์ รัชนีกุล ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองศรีราชา กล่าวถึงภาพรวมของการจัดซ้อมแผนฯว่า เป็นการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยผู้เข้าอบรม สามารถปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนผ่านได้ด้วยดี ทั้งนี้หากมีสถานการณ์จริงเกิดขึ้น จะทำให้การประสานงานช่วยเหลือ และส่งต่อผู้บาดเจ็บส่งถึงโรงพยาบาล จะเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ขณะที่นายแพทย์นพดล นพคุณ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมิเวชศรีราชา กล่าวถึงการจัดการซ้อมแผนฯครั้งนี้ว่า เนื่องจากที่ผ่านมาได้เกิดอุบัติภัยหมู่ทางทะเลในหลายๆครั้ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนเหตุการณ์เรือล่มบริเวณแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และหลายครั้งมีการสูญเสียชีวิตในที่เกิดเหตุก่อนนำส่งโรงพยาบาลด้วยเหตุนี้โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความรับชอบต่อสังคมในการจัดทำแผนซ้อมรองรับอุบัติภัยหมู่ทางทะเลนี้ขึ้น เพื่อการพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลและระบบการส่งต่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยและอุบัติเหตุทางทะเล ลดอัตราการเสียชีวิตต่อไป



ปริญญา/ข่าว/ภาพ