นางปวีณา หงสกุล รักษาการ รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และประธาน“มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี”(องค์กรสาธรณประโยชน์) ได้รับการประสานจากนายศุภชัย ลิ้มพิพัฒน์โสภณ เจ้าหน้าที่ธุรการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 2 (ภาคตะวันออก)หรือดีเอสไอ ว่ามีขบวนการนำเด็กมาเร่ขายของและขอทานในเมืองพัทยาเป็นจำนวนมาก จึงเดินทางลงพื้นที่และพร้อมด้วย พ.ต.อ.เชาว์วัย ศาลกมล พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ บก.สตม. นายประวิทย์ ไชยบัวแดง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการกรมสอบสวนคดีพิเศษภาค 2 พ.ต.ท.คมวิชฐ์ พัฒนรัฐ ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปราม ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ พัฒนาสังคมจังหวัดชลบุรี นำกำลังตำรวจ สภ.หนองปรือ สภ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง บุกตรวจค้นเป้าหมายรวม 3 จุด
โดยจุดแรกตรวจค้นบ้านเลขที่ 245/70 หมู่บ้านพาราไดซ์ฮิลล์ 2 ซอยบุญสัมพันธ์ (เขาน้อย) หมู่ 13 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นบ้านหรู 2 ชั้น ภายในบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างแบ่งเป็นห้องให้เช่า พบผู้เช่าอาศัยชาวไทยรวม 6 คน และนางเกีย อายุ 42 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งไม่มีเอกสารพาสปอร์ตมาแสดง โดยมีนายสุทธิ สบายแท้ อายุ 40 ปี รับเป็นผู้ดูแลบ้าน จากการตรวจสอบตามห้องต่างๆ ในบ้านพบมีเสื้อผ้าเด็กเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้ ส่วนจุดที่ 2 ตรวจค้นห้องแถวให้เช่าชั้นเดียว เลขที่ 107 ในซอยเดียวกัน พบนางเอ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) อายุ 45 ปี อยู่ในห้องกับลูกสาววัย 7 ขวบ จึงเชิญตัวไปให้ปากคำที่ดีเอสไอ
จุดที่ 3 เดินทางไปที่ห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ ซึ่งปลูกเรียงรายกันรวม 10 ห้อง ภายในซอยหนองเกตุใหญ่ 6 หมู่ 1 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง พบว่าห้องเป้าหมายจำนวน 2 ห้อง ไม่มีคนอยู่ แต่เมื่อตรวจค้นพบเสื้อผ้าและของเล่นเด็กเป็นจำนวนมาก สอบถาม น.ส.ขวัญเรือน ศรีอร่าม อายุ 33 ปี ชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบว่า ทั้ง 2 ห้องมีผู้ใหญ่และเด็กๆทั้งชาย-หญิง เช่าอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 20 กว่าคน บางวันจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าคล้ายถูกทำร้าย โดยขณะนี้ทั้งหมดพากันเดินทางไปงานศพที่วัดสว่างฟ้าพฤฒาราม ย่านนาเกลือ
ต่อมาคณะได้เดินทางไปที่วัดดังกล่าว พบเด็กชายและเด็กหญิง อายุระหว่าง 1-15 ปี รวม 23 คน กำลังวิ่งเล่นอยู่หน้าศาลาอย่างสนุกสนาน จากการสังเกตพบว่าเกือบทุกคนจะย้อมสีผมให้เป็นสีแดงคล้ายๆ กันหมด นอกจากนี้ภายในศาลายังพบชายและหญิงชาวไทยที่อ้างเป็นผู้ปกครองของเด็กนั่งอยู่ประมาณ 6 คน หนึ่งในนั้นมีนายสมชาย หงษ์ชฎา อายุ 43 ปี ที่ตามข้อมูลระบุว่าเป็นคนคอยขับรถ จยย.พ่วงข้างพาเด็กๆ ไปนั่งขอทานในย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้เพื่อสอบปากคำและทำการคัดแยก พร้อมกับตรวจสอบว่าเด็กเป็นลูกของตัวเองจริงหรือไม่ เพราะสามี-ภรรยาบางคู่มีลูกอายุไล่เลี่ยกันมากถึง 4-5 คน
นางปวีณา หงสกุล เปิดเผยว่า หลังได้รับการประสานงานจาก ดีเอสไอ.ภาค 2 จึงส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนหาข้อมูล และใช้เวลาในการติดตามพฤติกรรมของขบวนการนี้มาระยะหนึ่ง จนพบว่ามีหญิงชาวเขมรคนหนึ่งนำเด็กเล็กๆ ไปส่งตามตลาดนัดและย่านสถานบันเทิงในเมืองพัทยา ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลือเด็กหญิงชาวกัมพูชาวัย 5 ขวบไว้ได้จำนวน 2 คน จากการพูดคุยสอบถามทราบว่า มารดาของทั้งคู่เป็นชาวกัมพูชาชื่อนางเกีย หรือเล็ก โดยทุกวันนางเกีย จะพาไปขอทานและเร่ขายของอยู่เป็นประจำ เมื่อได้เงินมานางเกีย ก็จะนำไปซื้อยาบ้าและสุราดื่ม แต่หากวันไหนไม่ได้เงินเด็กๆ ก็จะถูกตีอย่างทารุณ ส่วนแนวทางการสืบสวนยังทราบอีกว่า แก๊งค้ามนุษย์รายนี้ทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งมีทั้งชาวไทยและกัมพูชารวมอยู่ด้วย โดยพฤติกรรมจะทำการจัดหาเด็กและคนพิการ ส่งมาจากประเทศกัมพูชา แล้วแบ่งกันเช่าบ้านอยู่รวม 3 จุดตามที่ทางเจ้าหน้าที่ได้บุกไปตรวจค้นในวันนี้
นางปวีณา เผยอีกว่า จากการเข้าตรวจค้นช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เป็นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ค้า หาผลประโยชน์จากเหยื่อ และหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการคัดแยก เหยื่อ ช่วยเหลือ ฟื้นฟู ฝึกอาชีพ และส่งกลับซึ่งบุคคลเหล่านี้ควรได้รับสิทธิ์ในการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ต่อไปโดยไม่ต้องกลับมาขอทานอีก ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดีต่อสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่อเมืองพัทยาและประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง
ปริญญา/ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น